เปิดตัว “นายกหยงค้าข้าว” คนใหม่

04 ก.พ. 2564 | 14:25 น.

​​​​​​​“ค้าข้าว” โลก ระส่ำ  นายกหยง ปรับตัวตาม “ส่งออก-โรงสี” ฟัดเดือดในประเทศ แย่งชิงผู้บริโภค เตือนสมาชิกระวังโดนชักดาบ เบี้ยวหนี้ ไม่ชัวร์ ไม่ขาย

 

นายสุทธิ สานกิ่งทอง นายกสมาคมค้าข้าวไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” กล่าวถึงสถานการณ์ราคาข้าว ในส่วน “ข้าวหอมมะลิ” ตลาดส่งออกมีความต้องการน้อยลง เพราะการส่งออกต้องพึ่งการขนส่งทางตู้คอนเทนเนอร์เป็นหลัก มีผลเพราะขาดแคลนตู้อยู่

 

“เราก็มองว่าราคาข้าวสารหอมมะลิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) กิโลกรัมละ 2.3 หมื่นบาท ในขณะนี้ราคาถูกลงแล้ว แต่ด้วยปัญหาอุปสรรคในการส่งออกทำให้โกดังผู้ส่งออกมีสต็อกเก็บอยู่ค่อนข้างแน่น ระบายของไม่ได้ จะซื้อใหม่ก็ซื้อไม่ได้ ตลาดเลยดูเงียบนิดหนึ่งในช่วงนี้”

 

ส่วนสถานการณ์ราคา "ข้าวขาว" และ "ข้าวนึ่ง"  ก็พอยังมีความต้องการอยู่ แต่ข้าวในท้องนา เก็บเกี่ยวหมดแล้ว โรงสีก็ค่อยทยอยปล่อยขายข้าว โดยพิจารณาจังหวะราคาข้าว เพราะข้าวรอบใหม่ก็คาดจะทยอยประมาณปลายเดือนนี้ ถึงกลางเดือนหน้า แต่ละโรงก็จะมีสต็อกไว้เล็กน้อย

 

 

 

สุทธิ สานกิ่งทอง

 

นายสุทธิ กล่าวว่า “หยง”  จะมีการค้าปรับตัวตามภาวะตลาด ค้าขายมาก หยงก็จะมีรายได้มากขึ้น ค้าขายน้อยรายได้ก็น้อยลง ตามยอดการขาย ทั้งนี้หากตลาดต่างประเทศส่งออกได้น้อยลง ก็ต้องหันมามุ่งตลาดในประเทศกันมากขึ้น เพื่อขายให้กับผู้บริโภคในประเทศ

 

“หยง” ทุกวันนี้ถือว่ามีความสำคัญอยู่ในการเชื่อมกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย หรือระหว่างโรงสีกับผู้ส่งออกข้าว และสิ่งสำคัญบทบาทของหยง จะทำหน้าที่บริการในการติดตาม ในการส่งมอบข้าว ว่าผ่านคุณภาพหรือไม่ และในการไฟแนนซ์เงินให้กับโรงสี

 

กล่าวคือ ซื้อข้าวใช้เงินสดกับโรงสี แล้วไปปล่อยสินเชื่อกับผู้ส่งออก ซึ่งโรงสีทุกวันนี้ต้องการสภาพคล่อง ใช้เงินกู้จากธนาคารค่อนข้างยาก เพราะธนาคารจะมองว่าโรงสีมีความเสี่ยงสูง จึงไม่ปล่อยสินเชื่อให้เท่าไรนัก จึงจำเป็นต้องใช้บริการผ่านหยง “หยง” จะซัพพอร์ท

 

ทุกวันนี้ทางสมาคมเอง ก็พยายามคุยกันว่าอยากให้การค้าขายข้าวตลอดห่วงโซ่ต้นน้ำ ยันปลายน้ำ มีเสถียรภาพ เพราะที่ผ่านมาก็มีเหตุการณ์ที่ว่า “ขายแล้วเก็บเงินไม่ได้” จะทำให้หยงรับผิดชอบแทน เพราะ หยงซัพพอร์ตเงินให้กับทางโรงสี เก็บไม่ได้ก็ต้องเข้าเนื้อ

 

“จะต้องคุยกันในภาพกว้างตั้งแต่โรงสียันผู้ส่งออก พยายามขายให้มีความมั่นคง อย่าให้ขายกับผู้ค้าที่เสี่ยง เครดิตไม่ดี และพยายามทำให้ราคาอยู่ในเสถียรภาพ ไม่ให้ราคาขึ้น-ลง แรง จะทำให้เกิดการเบี้ยวส่งมอบของ หรือผิดชำระเงินได้”

 

 

อย่างไรก็ดี แต่ละบริษัทส่วนใหญ่จะใช้วิจารณญาณจากประสบการณ์ของแต่ละบริษัทค้าขายแล้ว ปกติจ่ายเงิน 1 เดือน ถึงวันหนึ่งมีการจ่ายเงินล่าช้า อาจจะต้องมาทบทวนแล้วว่าจะปล่อยเครดิตให้แค่ไหน ผมเชื่อว่าทุกคนมีความระมัดระวังในการซื้อขายกันอยู่แล้ว เพราะในอดีตที่ผ่านมาก็มีเหตุการณ์หรือบทเรียนให้เรียนรู้หลายเหตุการณ์ที่ทำให้ทุกคนเรียนรู้กันอยู่แล้ว

 

ที่สำคัญพยายามเก็บเงินสดไว้กับตัวดีกว่า เจ้าไหนไม่ชัวร์ ก็จะไม่ขาย ถึงแม้ว่าหยงเจ้าไหน พาโรงสีไปขายที่ไม่ชัวร์ เจ้านี้ไม่ดี ก็อย่าไปขายเสี่ยงดีกว่า ก็คือ ขายน้อย แต่ชัวร์ ดีกว่า การค้าขายข้าวทุกวันนี้ มาร์จิ้น ค่อนข้างต่ำ จะไปเสี่ยงเสียเงินก้อนใหญ่ ไม่ค่อยคุ้ม ต้องขายด้วยความระมัดระวัง ไม่เสี่ยง

 

สำหรับสภาพคล่องของหยง ส่วนใหญ่ที่เปิดการซื้อขายจะใช้ทุนของตัวเอง เพราะหยงเป็นบริษัทนายหน้า ไม่มีสินทรัพย์ที่จะไปกู้เงินแบบโรงงาน จะใช้เงินทุนหมุนเวียนจากการค้าขาย จะทราบความจำกัดว่าเงินแต่ละบริษัทมีเท่าไรในการค้าขาย ถ้าค้าขายมากเกินไป จะซัพพอร์ทให้กับโรงสีไม่ได้ ขายเต็มวงเงินของตัวเองเท่านั้น รอเก็บเงินจากผู้ส่งออก ถึงจะค้าขายใหม่

 

ส่วนโรงสีที่ซื้อขายผ่านหยงก็ต้องการเงินซัพพอร์ต แล้วถ้าหยงไปขายแล้วไม่สามารถซัพพอร์ตเงินให้กับโรงสีไม่ได้ จะเสียชื่อ ค่าบริการจะมีตั้งแต่ 0.75 -1.25 บาท แล้วแต่ว่าจะซัพพอร์ตเงินสัดส่วนเท่าไร โดยเฉลี่ยแล้วส่วนใหญ่ค่าบริการจะอยู่ประมาณ 1 บาท