เมียนมาแต่งตั้งผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่ พร้อมปฏิเสธข่าวลวงหึ่งยกเลิกธนบัตร

สภาบริหารแห่งรัฐของเมียนมา แถลงข่าววานนี้ (3 ก.พ.) ว่า ประชาชนยังคงสามารถใช้ธนบัตร 5,000 จ๊าด และ 10,000 จ๊าดได้ตามปกติ หลังมีการเผยแพร่ข่าวลือตามสื่อสังคมออนไลน์ว่า สภาบริหารแห่งรัฐซึ่งตั้งขึ้นโดยกองทัพเมียนมาเพื่อบริหารประเทศในระหว่างการประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 1 ปีหลังการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา มีแผนจะยกเลิกการใช้ธนบัตร 5,000 จ๊าด และ 10,000 จ๊าด

นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน ธนาคารกลางเมียนมา ซึ่งเพิ่งได้ ผู้ว่าการคนใหม่ มีการออกประกาศเช่นกันว่า ประชาชนสามารถใช้ธนบัตรดังกล่าว และใช้บริการธนาคาร โดยไม่ต้องมีความกังวลใดๆ เนื่องจากธนาคารกลางมีคำสั่งไปยังธนาคารต่างๆให้เปิดดำเนินการตามปกติ

ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางเมียนมาเน้นย้ำว่าทางธนาคารกลางจะยังคงรักษาเสถียรภาพทางการเงินต่อไป

สื่อต่างประเทศระบุว่า เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา รัฐบาลทหารของเมียนมาได้ประกาศแต่งตั้ง นายตาน เย (Than Nyein) อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางให้กลับเข้ามาดำรงตำแหน่งเดิมอีกครั้ง

นายตาน เย เคยเป็นผู้ว่าแบงก์ชาติของเมียนมาระหว่างปี 2550-2556 ก่อนที่นาย กยอ กยอ หม่อง (Kyaw Kyaw Maung) ที่มาพร้อมกับรัฐบาลพลเรือนจากการเลือกตั้งจะเข้ามาดำรงตำแหน่งต่อจากเขาในเดือนส.ค. ปี 2556 กระทั่งเกิดการรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา นายตาน เย จึงได้รับแต่งตั้งจากรัฐบาลทหารให้กลับเข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งเมียนมาอีกครั้ง

ทั้งนี้ นายตาน เย เคยมาเยือนประเทศไทยในปี 2555 เพื่อร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ในยุคนั้น เพื่อร่วมมือกันด้านการพัฒนาทักษะพนักงานและระบบการเงินให้กับธนาคารฝ่ายเมียนมา โดยไทยยินดีจะให้ความร่วมมือและช่วยเหลือทางวิชาการ (Technical Assistance -TA) แก่ธนาคารกลางเมียนมา เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะความชำนาญด้านการธนาคารกลางแก่พนักงานของธนาคาร ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบการเงินและโครงสร้างเศรษฐกิจของเมียนมาต่อไปในอนาคต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"อองซาน ซูจี" ลุ้นโทษจำคุก3ปี ข้อหานำเข้าอุปกรณ์สื่อสารผิดกฎหมาย

เมียนมารัฐประหาร ทหารคุมตัว"อองซาน ซูจี"

เมื่อ“ทหารเมียนมา” ขี่หลังเสืออีกครั้ง

“ณัฐวิน-กริช” เปิดมุมมองรัฐประหารเมียนมาไม่มีผลกับการทำธุรกิจ

เปิดใจครั้งแรก พล.อ.มิน อ่อง หล่าย ในวันที่การรัฐประหารเมียนมาเป็นสิ่ง "หลีกเลี่ยงมิได้"