ศาลรธน.ยังไม่รับพิจารณาแก้รธน.เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง

03 ก.พ. 2564 | 07:38 น.

ศาลรธน.ยังไม่รับพิจารณาปมแก้รธน.เข้าข่ายล้มล้างการปค. สั่งเรืองไกร แก้ไขคำร้อง พร้อมสั่งเลื่อนพิจารณาคำร้องณฐพร รอหลังเรืองไกร ยื่นแก้คำร้องก่อน

วันนี้ (3 ก.พ.64) ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว. แก้ไขเพิ่มเติมคำร้องให้ครบถ้วนเพื่อประกอบการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ในกรณีกล่าวอ้างว่าสมาชิกรัฐสภาที่ลงมติให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามญัตติที่ 1 จำนวน 576 คน และสมาชิรัฐสภาที่ลงมติให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามญัตติที่ 2 จำนวน 647 คน ลงมติรับหลักการร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ...) แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ทั้ง 2 ฉบับในวาระที่ 1 การกระทำดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา 49 วรรคหนึ่ง และใช้บังคับมิได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 5 วรรคหนึ่งขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งประธานรัฐสภา สั่งระงับ หรืองดเว้นการประชุมร่วมของรัฐสภาเพื่อพิจารณาหรือลงมติในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

 

เนื่องจากศาลเห็นว่าคำร้องของนายเรืองไกร ไม่ได้ระบุชื่อผู้ร้องที่ชัดเจน จึงเป็นคำร้องที่มีรายการไม่ครบถ้วน ให้แก้ไขให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้ง

 

 

 

นอกจากนี้ที่ประชุมศาลรัฐธรรมนูญยังได้เลื่อนพิจารณาคำร้องของนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามมาตรา 49 ว่า การที่ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ และคณะ เสนอร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับ...) พ.ศ.... และนายวิรัช รัตนเศรษฐ และคณะ เสนอร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ.... ต่อประธานรัฐสภา และนำเข้าสู่วาระการประชุมของรัฐสภา

 

โดยที่ประชุมมีมติรับหลักการในวาระที่ 1 เป็นการกระทำที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 3 มาตรา 49 มาตรา 255 และมาตรา 256 ประกอบมาตรา 5 และร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมทั้ง 2 ฉบับเป็นการทำลายหลักการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในรัฐสภา และหลักการตรวจสอบโดยประชาชน ซึ่งขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 มาตรา 49 มาตรา 255 และมาตรา 256

 

ประกอบมาตรา 5 เป็นการใช้สิทธิ และเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมีการกระทำเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายสมพงษ์ และนายวิรัช เลิกการกระทำดังกล่าวนั้น  ศาลเห็นว่าคำร้องของนายณฐพร มีข้อเท็จจริงที่เกี่ยวพันกับเรื่องที่นายเรืองไกร ยื่นร้อง เพื่อประโยชน์ของการพิจารณา จึงให้เลื่อนการพิจารณาคำร้องดังกล่าวไปก่อน