สมศักดิ์ เตือน "พืชกระท่อม" ยังใช้เสรีไม่ได้ แม้พ้นบัญชียาเสพติด

29 ม.ค. 2564 | 04:25 น.

"สมศักดิ์" เตือน พืชกระท่อมยังใช้เสรีไม่ได้แม้ผ่านสภาแล้ว คาด มีผลสมบูรณ์ตามขั้นตอนเดือน มิ.ย. ให้ ป.ป.ส. เร่งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชน ชี้ สำเร็จได้เพราะทำการบ้านอย่างหนัก-บูรณาการกับทุกหน่วยงานอย่างครบถ้วน

29 มกราคม 2564 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่...) พ.ศ.... ที่ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแล้วว่า พ.ร.บ. ฉบับนี้หลักสำคัญ คือ การนำพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดและยกเลิกโทษทั้งหมด ซึ่งตอนนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อยเพราะต้องผ่านการพิจารณาของวุฒิสภาและส่งให้รัฐบาลนำขึ้นทูลเกล้าฯ และโปรดเกล้าฯ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และจะมีผลบังคับใช้หลังจากประกาศในราชกิจจาฯ 90 วัน ซึ่งตรงนี้เพื่อให้การร่างกฎหมายรอง คือ พ.ร.บ.พืชกระท่อมเสร็จสมบูรณ์ด้วย

 

ขณะนี้ พ.ร.บ.พืชกระท่อม ผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา เชื่อว่า อีกไม่นานน่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาได้ซึ่งตนยังตอบไม่ได้อย่างชัดเจนว่า กฎหมายปลดล็อกพืชกระท่อมจะใช้ได้อย่างสมบูรณ์เมื่อใด แต่หากประเมินคร่าวๆ ตามขั้นตอนน่าจะประมาณ เดือน มิ.ย. และหากทำกฎหมายรองไม่ทัน ประชาชนจะไม่สามารถใช้พืชกระท่อมได้อย่างเสรี ซึ่งกฎหมายรองจะกำหนดว่า จะใช้ได้อย่างไรบ้าง และจะมีข้อกำหนดที่ห้ามเด็กและเยาวชนนำไปใช้ด้วย และหากใครจะปลูกต้องแจ้งให้ผู้นำชุมชนหรือภาครัฐทราบ โดยตั้งใจให้ปลูกได้ไม่เกินครัวเรือนละ 3 ต้น ให้ใช้ตามวิถีชีวิต ซึ่งพี่น้องประชาชนน่าจะพอใจ


 

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า หากประชาชนจะปลูกเยอะๆ ก็ทำได้ แต่ต้องขออนุญาตเพราะมีพืชเกษตรหลายชนิด ถ้าปลูกแล้วปริมาณความต้องการน้อยกว่าปริมาณที่ปลูกจะทำให้ราคาตก และหากจะปลูกแล้วขายไม่ได้ จะมาเรียกร้องให้รัฐบาลสนับสนุนคงไม่ได้ เราอาจจะทำเป็นยาสมุนไพร ยาแก้ปวดแทนมอร์ฟีน ที่หลายประเทศผลิตออกขาย ได้เงินถึง 5 แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งพืชกระท่อมจากการศึกษามีผลระงับอาการปวดที่ดีกว่ามอร์ฟีน หรือนำมาผลิตเป็นยาชูกำลัง ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาด แต่วันนี้เรายังไม่แน่ใจว่าปลูกแล้วส่งออกจะทำได้ดีขนาดไหน

 

ดังนั้น เราต้องมีการควบคุมการปลูกไม่ให้มากเกินเหมือนยางพาราที่ปลูกกันมากจนทำให้ยางพารามีราคาถูก เกษตรกรเดือดร้อนมาก ที่ผ่านมาตนลงพื้นที่พบชาวบ้านหลายแห่ง โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ ส.ส.หลายท่านบอกว่า กระท่อมเป็นพืชประจำถิ่น และเป็นที่นิยมของเกษตรกรและผู้ใช้แรงงานจะใช้เครื่องดื่มชูกำลังก็ราคาแพง อย่างบ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี ปลูกกันมากและเป็นพื้นที่ตัวอย่างว่า กระท่อมเป็นส่วนสำคัญของวิถีชีวิต และผู้คนที่ใช้กันมา 20-30 ปี ก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อร่างกาย จึงคิดว่าเป็นพืชที่อยู่ใกล้ชิดกับวิถีของชุมชน

 

การทำกฎหมายกระท่อม ไม่น่าจะยาก และจากการได้พบอดีตประธานศาล อดีตอัยการ ท่านก็บอกว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะเป็นคดีที่รกศาล เพราะปีๆ หนึ่งมีเป็นหมื่นคดี ค่าใช้จ่ายในคดีเป็นร้อยๆ ล้าน ตรงนี้จะช่วยลดคดีและค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้อย่างมาก

 

"พ.ร.บ.กระท่อม ที่กำหนดขึ้นมา ให้มีข้อบังคับเพื่อความเป็นระเบียบ เรารับฟังความเห็นของประชาชน รับทราบข้อห่วงใยมาโดยตลอด จึงต้องหาทางป้องกันให้ดีที่สุดในส่วนของเยาวชนที่ผมให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งเวลานี้ได้ให้ ป.ป.ส. เร่งวางแผนทำความเข้าใจกับชาวบ้านในทุกชุมชนของภาคใต้ ทุกอย่างไม่ได้มีข้อดีหรือข้อเสีย 100% ที่ผ่านมามีการพยายามปลดล็อกหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ

 

ในครั้งนี้ผมทำการบ้านอย่างหนักและทำงานอย่างบูรณาการอย่างครบถ้วน และผมเห็นว่า ประโยชน์ที่ได้กับประชาชนจริงๆ ผมจึงพยายามเดินหน้าอย่างเต็มที่ ขอฝากบอกพี่น้องประชาชน ในช่วงที่กฎหมายยังไม่เรียบร้อย หากใช้อาจจะถูกปรับ ถูกจับ ต้องอธิบายว่า กฎหมายผ่านสภาไปแล้ว แต่ต้องรอหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา 90 วัน ถึงจะใช้ได้โดยไม่ถูกจับ

 

ดังนั้น ตอนนี้อย่าพึ่งไปขยับอะไรมากแต่หากมีต้นที่ปลูกอยู่แล้วคงต้องพูดคุยกัน หากตำรวจเข้าใจอาจจะมีการผ่อนปรนให้ ทั้งนี้ที่ผ่านมาจากสถิติอุบัติเหตุหรือการทะเลาะวิวาท ไม่เคยมีพืชกระท่อมเข้าไปเกี่ยวข้อง แม้ว่าปีหนึ่งจะมีคดีที่เกี่ยวกับกระท่อมเป็นหมื่นๆ คดีก็ตาม" นายสมศักดิ์ กล่าว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปลดล็อก"กระท่อม" พ้นบัญชียาเสพติด ยังมีข้อห้ามอะไรบ้าง เช็กที่นี่

ฉลุย! มติสภาปลดล็อกพืชกระท่อมพ้นบัญชียาเสพติด

ลุ้น 24 มิ.ย.ปลดล็อกกระท่อมพ้นยาเสพติด

ครม.กรุยทางจ่อใช้“ใบกระท่อม”เชิงพาณิชย์

ครม.ปลดล็อก"กัญชง" จากยาเสพติด เป็นพืชเศรษฐกิจ