ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ หัวหน้าทีมกลยุทธ์ตลาดการเงินและวางแผนการลงทุน EASY INVEST บล.ไทยพาณิชย์ (SCBS) ระบุว่าภาพตลาดการเงินคืนที่ผ่านมาอยู่ในโหมดปิดรับความเสี่ยง (Risk Off) โดยนักลงทุนขายทำกำไรหุ้นทั่วโลกหลังผลประกอบการของบริษัทใหญ่ในสหรัฐไม่สดใสอย่างที่คาดไว้ กดดันดัชนี S&P 500 ให้ปรับตัวลง 2.57% ขณะที่ฝั่งยุโรปก็ยังเผชิญกับความกังวลเรื่องการล็อคดาวน์ที่ยาวนาน กดดันดัชนี STOXX 600 ให้ปรับตัวลง 1.16%
ด้านนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐมีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.00 -0.25% และ “คง” นโยบายซื้อสินทรัพย์ทั้งหมดตามคาด โดยให้มุมมองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงต่อไปจะต้องพึ่งความคืบหน้าของการผลิตและแจกจ่ายวัคซีน
ด้วยภาพตลาดที่ปิดรับความเสี่ยงและนโยบายการเงินผ่อนคลาย บอนด์ยีลด์สหรัฐอายุสิบปีจึงปรับตัวลง 2bps แตะระดับ 1.01% ขณะที่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก อย่างไรก็ดี สินทรัพย์การเงินอื่น ๆ ยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบ เช่นราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดตลาด 53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาทองคำทรงตัวที่ 1856 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ฝั่งอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทและสกุลเงินเอเชีย แม้ช่วงนี้จะมีแรงกดดันจากตลาดทุนที่ปิดรับความเสี่ยงแต่กลับไม่อ่อนค่ามากอย่างที่เคยกังวล เชื่อว่ามาจากธุรกรรมการค้าที่เบาบางทำให้ตลาดไม่มีทิศทางชัดเจน ขณะที่นักลงทุนส่วนมากก็มีความหวังว่าวัคซีนจะสามารถฟื้นเศรษฐกิจดลกในปีนี้ได้ จึงเลือกที่จะไม่ขายลดสินทรัพย์เสี่ยงลงมากในช่วงนี้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุ อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเช้านี้ (28 ม.ค.) ขยับอ่อนค่ากว่าแนว 30.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ มาเคลื่อนไหวในกรอบ 30.00-30.05 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวขึ้น หลังเฟดคงดอกเบี้ยและวงเงิน QE โดยไม่ได้ประกาศผ่อนคลายมาตรการทางการเงินใดๆ เพิ่มเติม แม้จะส่งสัญญาณกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง นอกจากนี้ สัญญาณจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ ECB ที่ระบุว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของสถาบันการเงินที่ฝากไว้ที่ ECB ให้ติดลบมากไปกว่าปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ -0.50% ยังคงเป็นไปได้ หากมีความจำเป็น ก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุน sentiment ของเงินดอลลาร์ฯ ด้วยเช่นกัน
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 29.90-30.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2563 (รายงานครั้งที่ 1) และยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค.