บิ๊ก อสป.โล่ง ไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด ในพื้นที่สะพานปลากรุงเทพ

27 ม.ค. 2564 | 11:30 น.

ผลตรวจชัดพนักงาน-ผู้ประกอบการแพปลา-ร้านค้า-ต่างด้าวเป็นศูนย์  บิ๊ก อสป. การ์ดไม่ตก  เข้มทุกพื้นที่สะพานปลาและท่าเทียบเรือประมงทั้ง 18 แห่งทั่วไทย เพื่อสร้างความมั่นใจกับผู้บริโภคและผู้ใช้บริการ  

 

ดร.มณเฑียร  อินทร์น้อย ผู้อำนวยการองค์การสะพานปลา (อสป.) เปิดเผยว่า หลัง อสป.สั่งปูพรมตรวจเข้มค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก(Active case finding) โควิด-19 กับพนักงานองค์การสะพานปลา และสะพานปลากรุงเทพ ซอยเจริญกรุง 58 รวมถึงผู้ประกอบการแพปลา ร้านค้า ชาวต่างด้าวที่ทำงานอยู่ในบริเวณพานปลากรุงเทพ กว่า 525 คน โดยการตรวจด้วยวิธี RT-PCR แบบ Pooled Sample ใช้ตัวอย่างจากน้ำลาย เมื่อวันที่ 21-22 ม.ค.64 ที่ผ่านมา ร่วมกับกรุงเทพมหานคร ,ศูนย์บริการสาธารณสุข 14 แก้วสีบุญเรือง

 

 

ตั้งจุดตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 นั้น ขณะนี้ได้ผลออกมาแล้วจากศูนย์บริการสาธารณสุข 14 แก้วสีบุญเรือง ว่า ในพื้นที่ของ อสป.และสะพานปลากรุงเทพ ไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก และสามารถสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าผู้มาใช้บริการได้ว่า ในพื้นที่ของ อสป.สะอาด ปลอดภัย นอกจากสินค้าสัตว์น้ำ อาหารทะเลไร้สารปนเปื้อน และสารฟอร์มาลีนแล้ว ยังไร้การระบาดของโรคโควิด-19 ด้วย

 

 

 

 

“ถือเป็นความสำเร็จของ อสป.ที่มีมาตรการ ควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่องและเข้มงวด เนื่องจาก อสป.เป็นพื้นที่ ที่มีความเสี่ยงสูง เพราะทุกแห่งของสะพานปลาและท่าเทียบเรือประมงที่มีอยู่ 18 แห่งทั่วประเทศ มีผู้ใช้บริการต่อวันเป็นจำนวนมาก และมีชาวต่างด้าวทำงานอยู่หนาแน่น หากไม่มีมาตรการป้องกัน และดูแลที่ดี ก็มีโอกาสเป็นแหล่งแพร่เชื้อได้ จึงทำให้ อสป.ไม่ละเลย ในการตั้งจุดคัดกรองและป้องกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ของ อสป.ทุกคนก็ตระหนักดีว่า ผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการทุกคน ต้องการความมั่นใจในการซื้อสินค้าสัตว์น้ำ และอาหารทะเลในพื้นที่ของ อสป.ทุกแห่ง” 

 

 

อย่างไรก็ตาม อสป.ยังคงเข้มงวดและตรวจเข้มในเรื่องดังกล่าวต่อเนื่องแบบการ์ดไม่ตก ในทุกพื้นที่ของสะพานปลาและท่าเทียบเรือประมงทั้ง 18 แห่ง เพราะการระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงมีอยู่ และมีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นทุกวัน ในทุกจังหวัด โดยในวันที่ 27 ม.ค.64 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.) รายงานว่า พบจำนวนผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นอีก819 ราย และเสียชีวิต 1 ราย ซึ่งตัวเลขยังน่ากลัวมาก