ข้อหาฉกรรจ์ ของฝ่ายค้าน ต้องไม่ใช่แค่ตีโวหาร

27 ม.ค. 2564 | 08:30 น.

ข้อหาฉกรรจ์ ของฝ่ายค้าน ต้องไม่ใช่แค่ตีโวหาร : คอลัมน์ฐานโซไซตี ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3648 ระหว่างวันที่ 28-30 ม.ค.2564 โดย...กาแฟขม

 

*** หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ3648 ระหว่างวันที่ 28-30 ม.ค.2564 ฐานโซไซตี โดยกาแฟขม ประจำการเรียงร้อยถ้อยคำรับใช้คุณผู้อ่านเช่นเคย

*** สถานการณ์โควิดทำพิษกันถ้วนทั่วและที่หนักหนาสาหัสไม่น้อยกว่าใครเห็นจะเป็นวงจรข้าวไทย และชาวนากระดูกสันหลังของชาติ กีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ประกาศออกมาแล้วหลังถกเถียงเข้มข้นกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวต่างประเทศ กำหนดเป้าหมายการส่งออกปีนี้ 6 ล้านตัน นัยว่าใกล้เคียงกับปี 2563 ที่ส่งออกได้แค่ 5.72 ล้านตัน ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าวไทยทั้ง ราคาสูงกว่าคู่แข่งสำคัญ ค่าเงินบาทแข็ง ตู้คอนเทนเนอร์ไม่พอ ผู้นำเข้ากังวลโควิดกำลังซื้อลด 

*** เรียกได้ว่าเป็นยอดการส่งออกข้าวและเป้าการส่งออกข้าวของไทยที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินในรอบหลายๆ ปี จากที่เคยครองชแชมป์ส่งออกมาโดยตลอด ดีๆ หน่อยเราก็ส่งปีละ 9 ล้านตันบ้าง 10 ล้านตันบ้าง 12 ล้านตัน นี่ก็เคยส่งออกมาแล้ว ก็เป็นปริมาณส่งออกที่ลดลงอย่างน่าใจหาย ไม่อยากให้คิดเฉพาะโควิดทำให้ติดขัดไปทำตลาดไม่ได้ แต่ต้องไปดูคู่แข่งนำมาเปรียบเทียบกันดูซะหน่อย เขาเสริมอะไรที่ทำให้แซงเราขึ้นไป บางทีมันก็ต้องเปลี่ยนแนวคิดกันทั้งระบบตั้งแต่ต้นทาง พันธุ์เป็นอย่างไร คุณภาพเป็นอย่างไร การตลาดทำกันอย่างไร ว่างๆ จะชำแหละให้ฟังเอาไหม ที่ต้องยกเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพราะว่าเรื่องข้าวก็คือชีวิต ประเทศไทยยังคงผูกพันข้าวไทย ถ้าผู้อยู่ในวงจรข้าวแย่ ประเทศก็แย่ตาม แต่ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ในวิกฤติมีโอกาสเสมอ 
 

*** ไปที่แวดวงรถหรูกันบ้าง ฐานยานยนต์เขาสำรวจมาแล้วว่าปีนี้ BMW จะเฉือนตำแหน่งแชมป์ ของ Mercedes Benz ที่ครองยอดขายอันดับหนึ่งมาตลอด 19 ปีติดต่อกัน โดยยอดขายไตรมาสที่ 4 ของ BMW ประเทศไทยทำได้ประมาณ 4,200 คัน ขณะที่ Mercedes Benz ประเทศไทยทำได้ประมาณ 3,600 คัน เมื่อรวมยอดตั้งแต่ม.ค.-ธ.ค.63 ปรากฏว่าบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยขายไปประมาณ 12,400 คัน ลดลง 4 % ขณะที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย 10,600 คัน ลดลง 29% เทียบกับปีก่อน และเมื่อตัดยอดขายมินิที่รวมในกลุ่มบีเอ็มยูลง 1,200 คัน บีเอ็มดับเบิ้ลยูก็ยังเฉือนเมอร์เซเดส เบนซ์อยู่ดี ต้องจับตาค่ายเมอร์เซเดสฯ จะลุกขึ้นมาใช้กลยุทธ์อะไรทวงแชมป์คืนในปีนี้

*** เด้งรับโดยพลัน อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หลังนายกฯ ขอให้พิจารณาช่วยเหลือกลุ่มคนรายได้น้อยที่หลุดรอดร่างแห “ไทยชนะ” โดยเมียงๆ มองๆว่า จะใช้เกณฑ์อะไร รายได้ไม่ถึงแสนบาทต่อปี ก็น่าเหมาะ คัดๆ กันมา “ไทยชนะ” กลุ่มแรกผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14 ล้านคน ตามด้วยกลุ่มที่ลงทะเบียนคนละครึ่ง 15 ล้านคน และอีกกลุ่มเป็นกลุ่มที่เหลือ ก็เป็นงายยากในการคัดกรอง อย่างกรณีลูกจ้างรัฐ หรือ แรงงานในมาตรา 33 แต่รายได้ต่ำเท่ารายวัน ช่วยได้ก็ช่วยเขาเถอะ ให้พอประทัง บรรเทาทุกข์ ด้านหนึ่งก็ต้องช่วยผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อยบ้าง ให้เขาอยู่ได้ กลับมาทำมาหากินได้ ดูเรื่องหนี้ให้เขาหน่อย และพอจะปล่อยสินเชื่อเพิ่มได้บ้างไหม ตัวอย่างก็เห็นๆ คนต้องการสินเชื่อจำนวนมาก ออมสิน เปิดเมื่อไรเต็มเมื่อนั้น
 

*** ยื่นเรียบร้อยแล้วปีละหน 2 คนกันเอง ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ฝ่ายค้านยื่นซักฟอก 10 รัฐมนตรี รวม นายกรัฐมนตรี เอาเฉพาะข้อหาฉกาจฉกรรจ์ของนายกฯ บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรม จริยธรรม ไร้ภาวะผู้นำ ไร้จิตสำนึกและความรับผิดชอบ มีพฤติการณ์ฉ้อฉล ทุจริต ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตเพื่อสร้างความร่ำรวยมั่งคั่งให้กับตนเองและพวกพ้อง ท่ามกลางภาวะที่ประชาชนดำรงชีวิตอย่างยากลำบาก และมีการระบาดของโรคโควิด-19 ยิ่งทำให้สภาพเศรษฐกิจดิ่งเหวเกิดจากการบริหารที่ผิดพลาดของตนเอง มีการใช้อำนาจแลกผลประโยชน์ ทำให้การทุจริตแพร่กระจายไม่ต่างจากโรคระบาด จนได้ชื่อว่าเป็นยุคที่การทุจริตเฟื่องฟู เบ่งบานมากที่สุด...ปล่อยปละละเลยให้มีบ่อนการพนันกระจายไปทั่ว ..การบริหารราชการแผ่นดินของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศ ทั้งระบบเศรษฐกิจ สังคม และกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง

*** เมื่อยื่นข้อหาเช่นนี้ ฝ่ายค้านก็ต้องเสาะแสวงหาข้อมูลให้ชัดเจน และต้องไม่ตีโวหาร ถ้าฝ่ายค้านเข้มแข็ง ก็จะได้รัฐบาลที่มีประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ถ้าค้านเพื่อรอร่วมรัฐบาล ค้านเพื่อปั่นกระแส สร้างตัว ก็ไร้ความหมาย ก็หวังว่าเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจจะไม่ใช่ปาหี่ ถ้าส.ส.ไม่ทำหน้าที่เต็มที่ หรือประเภทที่กร่างเกินตัว ไม่เห็นหัวประชาชนก็ไร้ที่พึ่ง เมื่อการเมืองล้มเหลว เดี๋ยวอำนาจนอกระบบก็เข้าแทรกแซงอีก เป็นวงจรไปแบบนี้ ประเทศก็ไปไม่ถึงไหน บรรดา ส.ส.นักการเมืองทั้งหลาย ต้องหันมาคิดแบบนิวนอร์มอลกันได้แล้ว จะทำอะไรให้ประเทศได้บ้าง