>> ภายหลังการเปลี่ยนผ่านจากอดีตประธานาธิบดี นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนที่ 45 มาเป็น นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนที่ 46 ประชาชนทั่วโลกและนักลงทุนจำนวนมาก อาจจะต้องผิดหวังกับนโยบายของสหรัฐที่มีต่อจีน จากเดิมที่คาดหวังว่าจะมีความผ่อนคลายทางการค้าระหว่างสหรัฐ กับจีนมากขึ้น กลับดูเหมือนจะเลวร้ายลงซะด้วยซํ้าไป ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเรียกร้องให้จีนเข้าร่วมการเจรจาและหยุดการกดดันทางทหารกับไต้หวัน ซึ่งคำเตือนนี้เป็นหนึ่งในมาตรการสนับสนุนไต้หวัน ของคณะบริหารสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเรียกร้องให้จีนเข้าร่วมการเจรจาและหยุดการกดดันทางทหารกับไต้หวัน ซึ่งนี้เป็นการส่งสัญญาณการสานต่อนโยบายของรัฐบาลชุดก่อนหน้าที่ชัดเจนที่สุด หลังจาก อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เพิ่มโควตาการขายอาวุธให้ไต้หวัน
>> ขณะที่ตัวเลขล่าสุดที่ออกมาประกาศจากการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) ได้เปิดเผยยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ทั่วโลกในปี 2563 ที่ผ่านมาว่าจีนมียอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) อยู่ที่ 1.63 แสนล้านดอลลาร์ สูงที่สุดในโลกแซงหน้าสหรัฐ การขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของจีนส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากตัวเลขเม็ดเงินลงทุนของในสหรัฐ ลดลง ในขณะที่จีนยังคงเพิ่มขึ้นในระดับปกติ แม้จะเผชิญกับปัญหาโควิด-19 บางช่วง ดังนั้น ในอนาคตต่อจากนี้ไป ความคาดหวังที่จะได้เห็นสหรัฐ และจีนจับมือกันเพื่อให้เกิดสเถียรภาพต่อเศรษฐกิจของโลกมากขึ้น ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่ห่างไกลออกไปอีกแล้วค่ะ จากนี้ไปเราจำเป็นที่จะต้องปรับตัวให้อยู่สงครามเย็นของสหรัฐ และจีนให้ได้นะคะ
>> วนกลับไปที่ CBG ของเจ้าสัว “เสถียร เศรษฐสิทธิ์” และเจ้าสัวแอ๊ดคาราบาว “ยืนยง โอภากุล” ที่ราคาหุ้นกำลังทำราคานิวไฮอยู่แทบทุกวัน ล่าสุดก็สามารถไล่ราคาจนทะลุราคาเป้าราคา 152.50 บาท ที่ บล.หยวนต้า ให้เอาไว้ไปแล้วเรียบร้อย และเจ๊เมาธ์มองว่าสถานีต่อไปที่ราคาหุ้นของ CBG มีโอกาสที่จะไปถึงก็เป็นของ บล.กสิกรไทย ที่ให้เป้าราคาเอาไว้ที่ 165 บาท ก็เป็นไปได้อีกเหมือนกันนะคะ อย่างที่ บล.หยวนต้า บอกเอาไว้ว่า “ไม่ใช่หุ้นที่ราคาถูกที่สุด...แต่ CBG ก็ยังโตไม่สุด” อีกเหมือนกันค่ะ
>> ดูเหมือนว่าราคาหุ้น CWT ของ “เสี่ยวี-วีระพล ไชยธีรัตต์” จะถูกไล่ราคาขึ้นมาเรื่อย โดยมีเรื่องของความร่วมมือในการพัฒนารถบัสพลังงานไฟฟ้าเป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งสำหรับชื่อของพันธมิตรรายใหญ่ที่ว่ากันไว้ว่าจะจับมือกับทาง CWT ก็เป็นความลับที่ยังเปิดเผยไม่ได้ แต่เจ๊เมาธ์ก็ได้ข่าวมาว่า เป็นบริษัทที่เกี่ยวกับนํ้ามันรายใหญ่ ที่ดูเหมือนว่าจะแอบไปจับมือกันเรียบร้อยแล้วนะคะ เอาเป็นว่าแบตเตอรี่ลูกแรกสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งผลิตจากบริษัทลูกของบริษัทนํ้ามันรายใหญ่จะถูกส่งไปที่ บริษัท สกุลฎ์ซี ผู้ที่จะพัฒนารถบัสไฟฟ้าซึ่งเป็นบริษัทลูกของ CWT นั่นเองค่ะ พูดมาถึงขนาดนี้ก็น่าจะเดาไม่ยากใครคือพันธมิตรรายใหญ่ ว่าแต่ว่าจะมีบริษัทอะไรบ้างน้า... ที่มีบริษัทลูกที่สามารถผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าได้ เอาไว้อีกไม่นานก็คงจะได้รู้กันค่า รอดูนะคะ
>> ราคาหุ้นของ SCGP ขยับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จนสามารถทำนิวไฮที่ราคา 49 บาทได้ ซึ่งหากจะพิจารณาจากพื้นฐานของบริษัทก็ไม่น่าแปลกใจอะไรนัก ที่ราคาหุ้นสามารถไล่ราคาขึ้นมาได้ขนาดนี้ อย่างที่เจ๊เมาธ์ยํ้าไปบ่อยๆ ว่าหุ้นตัวนี้จะต้องมีติดพอร์ตเอาไว้ เพราะไม่ว่าจะเป็นดัชนีทางเทคนิคตัวไหนก็ชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่าราคาหุ้นของ SCGP มีโอกาสที่จะยืนเหนือราคาหุ้นระดับ 50 บาทได้สบายๆ แต่อย่างไรก็ตาม การขยับตัวของราคาหุ้นไม่ว่าจะเป็นหุ้นตัวไหน...มีขึ้นก็ต้องมีลง โดยเฉพาะหุ้นตัวใหญ่อย่าง SCGP ซึ่งเป็นหุ้นที่ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลในการไล่ราคาขึ้นไปในแต่ละช่อง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องแปลกใจในเวลาที่ราคาหุ้นอาจจะต้องพักหายใจบ้างนะคะ เจ๊เมาธ์ยังยืนยันว่า SCGP เป็นหุ้นที่จะต้องมีไว้ในพอร์ตค่ะ
>> SSP เป็นหนึ่งในหุ้นโรงไฟฟ้าที่ถูกไล่ราคาขึ้นมาเรื่อยๆ ตัวเจ๊เมาธ์เองก็มีโอกาสได้คุยกับผู้บริหารของบริษัท ซึ่งก็ได้มุมมองในเรื่องการมองธุรกิจที่แตกต่างออกไป โดยเฉพาะเรื่องผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกในปี 63 ของ SSP ที่สูงกว่าผลการดำเนินงานของปี 62 ทั้งปี ขณะเดียวกันมันก็ทำให้มองเห็นอนาคตของรายได้และกำไรของปี 63 ทั้งปีได้ไม่ยาก ขณะเดียวกันผลการดำเนินงานของปี 64 ก็คาดว่าจะดีขึ้นด้วยโดยจะมีการขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เพิ่มขึ้นอีกจำนวนพอสมควร ในขณะที่ทางผู้บริหารก็พยามมองหาวิธีการเพิ่มสภาพคล่องของหุ้น...ซึ่งถ้าหากทำได้แน่นอนว่าราคาหุ้นของ SSP น่าจะไปได้อีกไกลกว่านี้ค่ะ จับตาดูให้ดีนะคะ