ลุ้นศบค.ประเมิน “คลายล็อก” กิจกรรม

+++ การระบาดของเชื้อไวรัส “โควิด-19” ระลอกใหม่ ที่มีจุดเริ่มต้นที่ จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2563 ที่พบหญิงไทยวัย 67 ปี อาชีพค้าขายที่ตลาดกลางกุ้ง ใน ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร ติดเชื้อโดยไม่มีประวัติการเดินทางออกนอกประเทศ ทำให้เชื่อว่าผู้ติดเชื้อรายนี้ไม่ได้เป็น "ต้นตอเชื้อ" จึงได้มีการเริ่มค้นหาต้นตอเชื้อ หรือ สาเหตุการติดเชื้อของหญิงรายนี้ และคาดว่าเป็นการติดเชื้อจากแรงงาน “เมียนมา” ในตลาดกลางกุ้ง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีแรงงานเมียนมาอยู่จำนวนมาก และผลการค้นหาผู้ติดเชื้อ ปรากฏว่า พบแรงงานเมียนมา ร่วม 90% มีเชื้อโควิด ที่เหลือเป็นคนไทย แต่ไม่แสดงอาการ จึงทำให้เกิดการแพร่ระบาดไปสู่ผู้อื่น ผู้ที่เดินทางมาซื้อขายที่ตลาดกุ้ง ก็พลอยติดเชื้อและนำเชื้อออกไปสู่จังหวัดต่างๆ เกือบทั่วประเทศ
 

+++ จน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ต้องประกาศมาตรการเข้มข้นในพื้นที่จังหวัด สมุทรสาคร ระยอง ชลบุรี จันทบุรี และ ตราด ซึ่งพบการแพร่ระเบิดเชื้อโควิด-19 ให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จำกัดการเดินทางเข้า-ออก เมื่อวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา ...นับจาก 17 ธ.ค.2563 จนถึง ณ วันที่ 20 ม.ค.64 ศบค.รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 59 ราย เป็นผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อในประเทศ 51 ราย จากผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้า State Quarantine 8 ราย รักษาหายเพิ่มขึ้น 265 ราย กลับบ้านแล้ว 9,621 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัว 2,961 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 71 ศพ และ ยอดผู้ป่วยสะสม 12,653 ราย

+++ จากจุดเริ่มต้นเชื้อโควิด-19 ระบาดรอบใหม่ ที่พบผู้ติดเชื้อรายวันหลายร้อยคน จนล่าสุดพบผู้ติดเชื้อในจำนวน “ต่ำร้อย” ขณะที่หลายๆ จังหวัดก็เริ่มไม่พบผู้ติดเชื้อในจังหวัดเพิ่มขึ้น และเริ่มมีการ “คลายล็อก” กิจกรรมบางอย่างที่ถูกเข้มงวดก่อนหน้านี้ ทำให้มีความหวังว่า จังหวัดหลักๆ ของการแพร่เชื้อโควิด-19 จะได้รับการ “คลายล็อก” ให้มีการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ต่อไปได้ โดยเฉพาะกิจกรรมที่เกี่ยวพันกับเรื่องทางเศรษฐกิจ
 

+++ บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ระบุเมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า สถานการณ์โควิด-19 มีแนวโน้มลดลง ส่วนจะมีการ "คลายล็อก" เมื่อไหร่ ต้องรอการประเมินเป็นระยะๆ โดยต้องรอผลสิ้นเดือนนี้ (ม.ค.) ไปก่อน ...นั่นหมายความว่าภายในสิ้นเดือนม.ค.นี้ ศบค.จะมีการเมินสถานการณ์โควิด และ "แนวโน้มสูง" จะมี "ข่าวดี" ด้วยการคลายล็อกกิจกรรม คืนการใช้ชีวิต คืนกิจกรรมต่างๆ ทางสังคม เศรษฐกิจ ด้วยวิถี “นิว นอร์มอล”      
 

+++ “เจอดี” เข้าแล้วสำหรับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า  หลังทำการไลฟ์สดผ่านเพจคณะก้าวหน้า นำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยถูกมองว่าจงใจโจมตีเรื่องวัคซีนโยงไปถึง “สถาบัน” เพื่อหวังผลทางการเมือง เพราะกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) มอบหมายเนวินธุ์  ช่อชัยทิพฐ์ ผู้ช่วยรมว.ดิจิทัลฯ ทศพล เพ็งส้ม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี และ สุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เข้ายื่นแจ้งความเอาผิดต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.ปอท.) ให้ดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทางยาท หรือผู้สำเสร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ กระทำการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน  ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์  มาตรา 14 อนุ 1 
 

+++ ทศพล ให้เหตุผลว่า ได้รวบรวมพยานหลักฐานแจ้งความเอาผิด ธนาธร หลังจากดูการแถลงข่าว เนื่องจากการวิจารณ์รัฐบาลเรื่องการนำเข้าการผลิตวัคซีน ที่กล่าวหารัฐบาลเรื่องประสิทธิภาพ คุณภาพ การผลิตล่าช้า และจำหน่ายให้กับประชาชน อีกทั้งในการแถลงข่าวว่ามีสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นการนำประชาชนมาเป็นตัวประกันระหว่างรัฐบาลกับสถาบัน ซึ่งไม่เป็นความจริง ทั้งยืนยันว่า “สถาบัน” ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลิตวัคซีน … โทษตาม มาตรา 112 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี ...ได้มีลุ้นว่าจะติดคุก-ไม่ติดคุกอีกคดีแล้ว ธนาธร...