วันนี้ (14 ม.ค.64) พลเอกวิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นร้องให้ตรวจสอบเรื่องการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19ล่าช้า รวมถึงการผลิตหน้ากากของบริษัท ซีพี ที่ถูกมองว่าเอื้อประโยชน์ ว่าที่ผ่านมา ศบค.ก็ทำงานเข้มแข็ง มีการประชุมแก้ไขปัญหาทุกวัน ประเด็นที่นายศรีสุวรรณร้อง ทางผู้ตรวจจะมีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น ศบค. สธ.กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงมหาดไทย ในวันที่ 22 มกราคมนี้ เพื่อสอบถามข้อมูล แต่ในระหว่างนี้จะให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ พูดคุยกับบริษัทเอกชนที่มีการผลิตหน้ากากเมื่อปี 2563 ว่าผลิตแล้วส่งไปที่ไหน ขายได้เท่าไหร่ บริจาคเท่าไหร่ คิดว่าในวันที่ 24 มกราคมน่าจะได้ข้อมูล
ส่วนในเรื่องการจัดซื้อวัคซีนของไทยล่าช้า เท่าที่ทราบรัฐบาลมีการเตรียมการว่าใน 3 เดือนแรกจะมีการนำเข้าวัคซีน 2 แสนโด๊ส ซึ่งส่วนมองว่าบริษัทที่ขายวัคซีนมีหลายแห่ง แต่ประเด็นสำคัญคือ วัคซีนที่นำเข้ามานั้น ต้องได้รับการรับรองคุณภาพ โดย 2 บริษัท คือ ได้รับการรับรองมาตรฐาน จึงทำให้มั่นใจได้ระดับหนึ่งว่าจะเกิดความปลอดภัย และถ้าหากนำมาฉีดให้กับประชาชนแล้วเกิดหาก็ยังสามารถที่จะตรวจสอบได้ แต่ไม่อยากให้ไปเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านที่ได้รับวัคซีนแล้ว
แต่ที่มองว่า การจัดซื้อวัคซีนจากบริษัทของจีน เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนไทยที่เข้าไปถือหุ้นหรือไม่ พล.อ.วิทวัสกล่าวว่า เรื่องการเข้าไปถือหุ้นของบริษัทเอกชน เป็นเรื่องยากเพราะมันเป็นสิทธิของเขา เป็นแข่งขันทางการธุรกิจของเขา ส่วนตัวมองว่าเรื่องวัคซีนถึงอย่างไรราคาก็เป็นเรื่องที่รู้กันทั่วโลกอยู่แล้ว แต่ควรเน้นในเรื่องของมาตรฐานวัคซีนที่ อย.ต้องรับรอง ซึ่งในส่วนที่ อปท.จะจัดซื้อวัคซีนฉีดให้กับประชาชนในท้องถิ่นเองนั้น ก็ขอให้ดูว่าวัคซีนที่ซื้อได้มาตรฐานหรือไม่
ส่วนที่มีการ้องเรียนว่าไม่ควรปิดตลาดนัดชุมชน โดยที่ไม่ปิดห้างสรรพสินค้า ส่วนตัวมองว่าหน่วยงานไม่อยากให้มีการปิดตลาด แต่ถ้าหากพบผู้ติดเชื้อก็คิดว่าควรจะต้องมีการปิด ซึ่งจากที่ได้พูดคุยกัน ผอ.ตลาดในพื้นที่ กทม. คิดว่าอยู่ที่มาตราการในการคัดกรอง ซึ่งถ้าหากเข้มงวดเรื่องการเข้า-ออกการล้างมือ ใส่หน้ากาก และเว้นระยะห่าง การติดเชื้อไม่เกิด ก็ไม่ต้องนำไปสู่การปิดปิดตลาด
นอกจากนี้ พลเอกวิทวัส พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ตรวจการแผ่นดิน และผู้บริหารสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน จัดกิจกรรม “ถึงห่างแต่ยังห่วง ปี 2 : ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งความห่วงใยต้านภัยโควิด - 19” ส่งมอบหน้ากากอนามัยแบบผ้า และสเปรย์แอลกอฮอล์ จำนวนกว่า 1 หมื่นชิ้น ให้ น.ส.อำภา นรนาถตระกูล ผู้ตรวจราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะตัวแทนกรุงเทพมหานคร และผู้แทนผู้ประกอบการจาก 12 ตลาดในสังกัดกรุงเทพมหานคร คือ ตลาดประชานิเวศน์ 1 ตลาดรัชดาภิเษก ตลาดธนบุรี ตลาดบางกะปิ ตลาดเทวราช ตลาดหนองจอก ตลาดสิงหา ตลาดราษฎร์บูรณะ ตลาดพระเครื่องวงเวียนเล็ก ตลาดบางแคภิรมย์ ตลาดนัดจตุจักรมีนบุรี และตลาดนัดจตุจักร เพื่อแจกจ่ายแก่ประชาชนที่เดินทางไปจับจ่ายใช้สอยในตลาดหรือพื้นที่แออัด รวมถึงประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ กทม.
พลเอก วิทวัส กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด19 ระลอกใหม่ ผู้ตรวจการแผ่นดินมีความห่วงใยประชาชน และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจึงได้จัดกิจกรรมดังกล่าวโดยวันนี้ได้ส่งมอบหน้ากากอนามัยแบบผ้า และสเปร์ยแอลกอฮอล์ จำนวน 3,000 ชิ้น ให้กับตลาดในสังกัดกรุงเทพมหานคร 12แห่ง คือ ตลาดประชานิเวศน์ 1 ตลาดรัชดาภิเษก ตลาดธนบุรี ตลาดบางกะปิ ตลาดเทวราช ตลาดหนองจอก ตลาดสิงหา ตลาดราษฎร์บูรณะ ตลาดพระเครื่องวงเวียนเล็ก ตลาดบางแคภิรมย์ ตลาดนัดจตุจักรมีนบุรี และตลาดนัดจตุจักร เพื่อแจกจ่ายแก่ประชาชนที่เดินทางไปจับจ่ายใช้สอยในตลาดหรือพื้นที่แออัด รวมถึงประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ กทม.
นอกจากนี้จะทยอยจัดส่งหน้ากากอนามัยแบบผ้า ให้แก่ประชาชนที่ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนมายังสำนักงาน ในปี 2563 ทั่วประเทศ อีกกว่า 7,000 ชิ้น หวังเป็นอีกกำลังที่ช่วยให้ประชาชนพร้อมรับมือและก้าวผ่านสถานการณ์ระบาดของโควิด- 19 ไปด้วย
“การแพร่ระบาดระลอกใหม่นี้ ได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงทั่วประเทศ แม้รัฐจะมีมาตรการเฝ้าระวัง ติดตาม ควบคุมการแพร่ระบาดของโรค อีกทั้งยกระดับมาตรการในการตรวจสอบและเฝ้าระวังการเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามแดนที่ผิดกฎหมายอย่างเข้มข้น แต่ประชาชนต้องตระหนักและร่วมกันป้องกันตนเองโดยการสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ การล้างมือ และการเว้นระยะห่างทางสังคม ที่สำคัญหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แออัดมีคนจำนวนมาก งดเข้าบ่อน ผับบาร์ สถานบันเทิงทุกชนิด เป็นหูเป็นตาช่วยเจ้าหน้าที่สอดส่องดูแลการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย”