สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ มีมติด้วยคะแนนเสียง 232 ต่อ 197 ถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยความผิดใน ข้อหายุยงปลุกปั่น ให้กลุ่มผู้สนับสนุนของเขาบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (6 ม.ค.) เพื่อขัดขวางกระบวนการประกาศรับรองชัยชนะของนายโจ ไบเดนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่มีขึ้นในเดือนพ.ย.2563
ทั้งนี้ การลงมติถอดถอนปธน.ทรัมป์มีขึ้นเพียงไม่กี่วัน ก่อนที่นายไบเดนจะเข้าพิธีสาบานตนเพื่อเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 20 ม.ค. โดยขั้นตอนหลังจากนี้ สภาผู้แทนฯจะส่งญัตติการถอดถอนปธน.ทรัมป์ให้กับวุฒิสภาสหรัฐเพื่อพิจารณาเป็นลำดับต่อไปว่า จะลงมติถอดถอน หรือคัดค้านการถอดถอนปธน.ทรัมป์
สื่อต่างประเทศรายงานว่า สมาชิกสภาผู้แทนฯจากพรรครีพับลิกันจำนวน 10 คน ได้เข้าร่วมกับพรรคเดโมแครตในการลงมติถอดถอนปธน.ทรัมป์ในครั้งนี้ด้วย โดยการประชุมสภาผู้แทนฯจัดขึ้นท่ามกลางการอารักขาของกองกำลังทหารแห่งชาติและเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายร้อยนาย เพื่อปกป้องอาคารรัฐสภาไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงเหมือนเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ทรัมป์กลายเป็นประธานาธิบดีคนแรกในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาที่ถูกสภาผู้แทนราษฎรลงมติถอดถอนถึง 2 ครั้ง โดยในครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2562 สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติถอดถอนปธน.ทรัมป์ในสองข้อหา ซึ่งได้แก่ การใช้อำนาจในทางมิชอบ และขัดขวางกระบวนการสอบสวนของสภาคองเกรส หลังจากมีรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เพื่อกดดันให้มีการสอบสวนนายโจ ไบเดน และบุตรชายของนายไบเดนซึ่งมีการทำธุรกิจในยูเครน โดยการกระทำดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการเปิดทางให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐ
อย่างไรก็ดี การยื่นถอดถอนปธน.ทรัมป์ ในครั้งนั้นไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากในวันที่ 5 ก.พ. 2563 วุฒิสภาสหรัฐ ซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากลงมติคัดค้านการถอดถอนปธน.ทรัมป์ทั้ง 2 ข้อหา ซึ่งทำให้ปธน.ทรัมป์พ้นผิดในขั้นตอนของวุฒิสภา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สภาผู้แทนฯสหรัฐเดินหน้าความพยายามขับ "ทรัมป์" พ้นตำแหน่ง
“ดอยซ์แบงก์” จ่อตัดขาด “ทรัมป์”และธุรกิจในเครือ
FBI เตือนอาจมีกลุ่มม็อบติดอาวุธ ก่อจลาจลทั่วสหรัฐช่วงสุดสัปดาห์นี้