"ยาเคนมผง"เสพครั้งแรกก็ตายได้

11 ม.ค. 2564 | 11:18 น.

แพทย์เผย"ยาเคนมผง"ออกฤทธิ์รุนแรง อันตรายอาจถึงตายแม้เสพครั้งแรก

จากกรณีที่มีข่าววัยรุ่นเสียชีวิตจากการเสพยา"เคนมผง"มากกว่า 10 ราย และบางส่วนได้รับบาดเจ็บและนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ล่าสุดกรมการแพทย์ได้ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับ"ยาเคนมผง"ว่า ปัจจุบันกลุ่มวัยรุ่นนำยาเคผสมกับสารเสพติดอื่นอีกหลายชนิด เช่น  ยาไอซ์ เฮโรอีน ยานอนหลับ(โรเซ่)  นำมาผสมกันจนมีลักษณะละเอียดคล้ายนมผงแล้วนำมาเสพ จึงถูกเรียกว่า “ยาเคนมผง” 


เมื่อเสพ"ยาเคนมผง"เข้าสู่ร่างกายจะทำให้ผู้เสพมีอาการุนแรง ประสาทหลอน คิดว่าจะถูกทำร้ายเป็นสาเหตุของการทะเลาะวิวาท  และการเสพ “ยาเคนมผง” ร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะเพิ่มความเสี่ยงทำให้ผู้เสพเสียชีวิต และสามารถเกิดขึ้นได้แม้จะเสพเป็นครั้งแรก ซึ่งในขณะนี้พบผู้เสียชีวิตที่อาจเกิดจาการเสพยาเคนมผง จำนวนหลายหลาย ในบางรายที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ 

 


นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์  ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า ก่อนอื่นต้องรู้จัก เคตามีน (ketamine)  ซึ่งถือเป็นยาเสพติดที่ออกฤทธิ์หลอนประสาทอย่างรุนแรง ทำให้เกิดอาการมึนเมา เพลิดเพลิน มีความสุข เกิดภาพเหมือนฝัน รู้สึกเหมือนตัวเอง กำลังล่องลอยอยู่ในอากาศหรือหลุดลอยออกจากร่าง


ฤทธิ์ของยาเคในระยะสั้นจะทำให้เกิดอาการหวาดระแวง จิตหลอน จำอะไรไม่ได้ ร่างกายเคลื่อนไหวไม่ได้เหมือนเป็นอัมพาตชั่วขณะ หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดปัญหาทางสมองเกี่ยวกับความทรงจำและสมาธิ มีปัญหาเกี่ยวกับการรับรู้และปัญหาทางจิต กลายเป็นคนวิกลจริต 

 

ด้านนายแพทย์สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี กล่าวว่า ยาเสพติดทุกประเภทส่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่อร่างกายของผู้เสพ ยิ่งมีการใช้ร่วมกันหลายชนิดก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยง บางรายอาจถึงขั้นเสียชีวิต 


ซึ่งในกรณีของ “ยาเคนมผง” มีสารเสพติดที่ออกฤทธิ์รุนแรงหลายชนิด หนึ่งในส่วนผสมนั้นคือ เฮโรอีน ซึ่งออกฤทธิ์รุนแรงในทางกดประสาท หากเสพเฮโรอีนมากเกินความต้านทานของร่างกาย อาจทำให้หัวใจหยุดเต้นถึงเสียชีวิตได้ 


"ขอย้ำเตือนกลุ่มวัยรุ่นหรือผู้ที่คิดจะทดลองใช้ “ยาเคนมผง” รวมไปถึงสารเสพติดชนิดอื่น ให้ตระหนักถึงอันตรายต่อตนเองอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต และนึกถึงผลกระทบต่อครอบครัวที่จะตามมา"


ทั้งนี้หากพบว่าบุตรหลายหรือคนใกล้ชิดมีการเสพยา ควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อเข้าสู่กระบวนการบบัดรักษา และสามารถขอรับคำปรึกษาเกี่ยวกับยาและสารเสพติดได้ที่ สายด่วนยาเสพติด 1165 และหรือเข้ารับการบำบัดรักษาที่สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี กรมการแพทย์  จังหวัดปทุมธานี และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ในส่วนภูมิภาค ทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลธัญญารักษ์เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ขอนแก่น อุดรธานี สงขลา และปัตตานี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.pmindat.go.th