อัพเดท ข้อกำหนด พื้นที่ควบคุมสูงสุด เดินทางข้ามจังหวัด พร้อมเงื่อนไข ล็อกดาวน์ 5 จังหวัด

07 ม.ค. 2564 | 04:50 น.

อัพเดท ข้อกำหนด พื้นที่ควบคุมสูงสุด พร้อมเงื่อนไข ล็อกดาวน์ 5 จังหวัด และการเดินทางข้ามจังหวัด ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร หากฝ่าฝืนโทษคุก 2 ปี ปรับสูงสุด 40,000 บาท

การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ ซึ่งระบาดแบบกลุ่มก้อนในเขตหลายเขตพื้นที่ของประเท ทำให้รัฐบาลต้องออกมาตรการควบคุมการระบาดอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในพื้นที่ควบคุมสูงสุด พร้อมล็อกดาวน์ 5 จังหวัดที่เป็นเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ได้แก่ จังหวัดจันทบุรี จังหวัดชลบุรี จังหวัดตราด จังหวัดระยอง และจังหวัดสมุทรสาคร 

 

ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ได้ออกข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2558 (ฉบับที่ 17) เพื่อกำหนดมาตรการต่าง ๆ ที่จำเป็นในการระงับยับยั้งการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดโควิด-19 เพื่อการสกัดและยับยั้งการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด มีผลบังคับใช้ในวันที่ 7 มกราคม 2564 สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

 

1. ยกระดับการรักษาระยะห่าง การสวมหน้ากากผ้า หรือ หน้ากากอนามัย การล้างมือ การตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย และการติดตั้งระบบแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” แอปพลิเคชัน“ไทยชนะ การกักกันตน ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด

2. ยกระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุด

- การเดินทางเข้าออกเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือการเดินทางข้ามจังหวัด ได้แก่ จังหวัดจันทบุรี จังหวัดชลบุรี จังหวัดตราด จังหวัดระยอง และจังหวัดสมุทรสาคร จะมีการตั้งจุดตรวจ หรือจุดสกัด เพื่อคัดกรองการเดินทางเข้าออกพื้นที่อย่างเข้มข้น

- ให้ผู้ที่อยู่ในพื้นควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ติดตั้ง ใช้แอปพลิเคชัน “หมอชนะ"

- บุคคลที่จะเดินทางออกนอกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ต้องแสดงเหตุผลความจําเป็น โดยแสดงบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรแสดงตนอื่น ๆ ควบคู่กับเอกสารรับรองความจำเป็นที่ออกโดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่ ยกเว้นเป็นบุคคล ที่ได้รับยกเว้นตามหลักเกณฑ์ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กระทรวงมหาดไทยกำหนด

3. การปราบปรามและลงโทษผู้กระทำผิดอันเป็นเหตุให้เกิดการระบาดของโรครัฐบาสอย่างเด็ดขาด

- ปราบปรามและลงโทษพนักงานเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบขนย้ายแรงงานต่างประเทศ

- ปราบปรามและลงโทษพนักงานเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่ปล่อยปละละเลย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เอื้ออำนวยหรือสมรู้ร่วมคิดให้มีการเปิดบ่อนการพนันขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ

- แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อกำกับดูแลการดำเนินการและเสนอมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวอีกต่อไป

- ให้ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงหน่วยงานความมั่นค ง และเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบปฏิบัติการกวดขันสอดส่อง เฝ้าระวัง ป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมถึงการเปิดให้มีการมั่วสุมลักลอบเล่นการพนัน และให้ดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายทั้งทางวินัยและทางอาญาต่อไป

- หากพบเห็นการกระทำหรือการปล่อยปละละเว้นการกระทำ ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายและส่งผลกระทบเป็นเหตุที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคอย่างรุนแรง สามารถแจ้งเบาะแสมาที่นายกรัฐมนตรีผ่านศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19ทำเนียบรัฐบาล

 

4. โทษผู้ฝ่าฝืนข้อกำหนดซึ่งออกตามมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2558 อาจต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

ผู้ติดเชื้อที่จงใจปกปิดข้อมูลการเดินทาง หรือแจ้งข้อมูลเท็จต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ อาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2554 ด้วย

7 มกราคม 2563 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวว่า ในการประชุม ศบค.ชุดเล็กได้มีการหารือกันว่า ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (ฉบับที่ 17) ที่ออกมา ในข้อ 1 การยกระดับการบังคับใช้มาตรการป้องกันโรคให้มีการปฎิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด โดยสนับสนุนให้มีการติดตั้งแอปพลิเคชั่น"หมอชนะ" ควบคู่แอปฯ"ไทยชนะ" หากใครที่ติดเชื้อโควิด-19 แล้วพบไม่มีการติดตั้งแอปฯหมอชนะ จะถือว่าละเมิดกฎหมาย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดรายละเอียดราชกิจจาฯ 4 ข้อ ยกระดับ 5 จังหวัดสกัดโควิด เข้า-ออกต้องแสดงเอกสาร

ประกาศยกระดับ 5 จังหวัด เป็น “พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด" สกัดโควิด

7 ตร.ภาคตะวันออก”หนาว! “บิ๊กปั๊ด”ตั้งกรรมการสอบ