อ่วม! ศาลคดีทุจริตสั่งจำคุก 2 จนท.ที่ดินกระบี่ 165 ปี

05 ม.ค. 2564 | 10:26 น.

“ศาลคดีทุจริต”พิพากษาจำคุก 2 อดีตจนท.กรมที่ดิน ทุจริตออกโฉนดรุกป่าอ่าวนาง-หางนาค จ.กระบี่ 33 แปลง มูลค่านับพันล้านบาท กระทงละ 5 ปี รวม 165 ปี แต่ก.ม.ให้จำคุกสูงสุด 50 ปี ขรก.กรมอุทยานฯ เจอคุก 15 ปี 


คดีนี้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.2551 กรมสอบสวนคดีพิเศษ ทำหนังสือกล่าวหา จำเลยต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2552
ภายหลังจาก คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่รัฐจำนวน 4 คนร่วมกันทุจริตออกโฉนดที่ดินบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าอ่าวนาง – หางนาค จ.กระบี่ จำนวน 33 แปลง เนื้อที่รวมประมาณ 200 ไร่ มูลค่านับพันล้านบาท (ออกไปแล้ว 33 แปลง , อยู่ระหว่างดำเนินการออก 6 แปลง และแบ่งแยกจากเดิม 3 แปลง รวมทั้งสิ้น 42 แปลง) ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดส่งฟ้องต่อศาล
ต่อมา 20 พ.ย. 2562 พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามทุจริต 1 ภาค 8 นำตัวอดีตข้าราชการ 4 คน ส่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8

 

เมื่อวันที่ 24 ก.ย.2563 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 8 มีคำพิพากษาจำคุกอดีตข้าราชการ 3 คน ในอัตราโทษ คนละ 15 –165 ปี โดยกฎหมายให้ลงโทษจำคุกสูงสุด 50 ปี
ทั้งนี้เป็นคดีอาญาระหว่าง อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ฟ้อง นายสถาพร โกมาศ จำเลยที่ 1 นายอำนาจ เลิศไกร จำเลยที่ 2 นางสาวศศิธร หรือ วรภร สมสะอาด จำเลยที่ 3 นายสมมาศ ประดับเพชร จำเลยที่ 4 เรื่อง ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ


ในขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 นายช่างสำรวจ 4 สำนักฟื้นฟูพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับมอบหมายให้ชี้กันแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติและเขตอุทยานแห่งชาติเพื่อสนับสนุนหน้าที่โครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินตามแผนปฎิบัติการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนประจำปีงบประมาณ 2548 ระยะ 2 ปฎิบัติหน้าที้ทำการรังวัด ระวังชี้รับรองแนวเขตป่าไม้ลงในระวางรูปถ่ายทางอากาศมาตราส่วน 1 ต่อ 4,000 ของกรมที่ดิน


จำเลยที่ 2 เจ้าหน้าที่บริหารที่ดิน 7 สำนักมาตรฐานการออกหนังสือสำคัญ สังกัดกรมที่ดิน ปฎิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์เดินสำรวจการออกโฉนดที่ดินจังหวัดกระบี่ มีหน้าที่ออกโฉนดที่ดินตามโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินจังหวัดกระบี่

 

จำเลยที่ 3 เจ้าหน้าที่ที่ดิน 5 สำนักมาตรฐานการออกหนังสือสำคัญ สังกัดกรมที่ดิน ปฎิบัติหน้ารที่ผู้กำกับการเดินสำรวจ มีหน้าที่ตรวจสอบการสอบสวนสิทธิลงนามในใบไต่สวนสิทธิ


 

จำเลยที่ 4 นายช่างรังวัด 4 สำนักมาตราการออกหนังสือสำคัญ สังกัดกรมที่ดิน ปฎิบัติหน้าที่ผู้กำกับการเดินสำรวจมีหน้าที่ตรวจสอบการสอบสวนสิทธิ์ลงนามในใบไต่สวนสิทธิ์ นายธวัชชัย ทับทิมทอง และนายนิคม หิรัญโรจน์ เป็นเจ้าพนักงานตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ที่ดิน 4 สำนักมาตรฐานการออกหนังสือสำคัญ สังกัดกรมที่ดิน ปฎิบัติหน้าที่สอบสวนสิทธิลงนามในใบไต่สวนสิทธิ ตรวจสอบเจ้าของที่ดินข้างเคียงและสอบสวนผู้ปกครองท้องที่ในการเดินสำรวจเพื่อออกโฉนดที่ดิน ศูนย์การเดินสำรวจการออกโฉนดที่ดินจังหวัดกระบี่

 

ทั้งหมดได้ออกเอกสารสิทธิโฉนดที่ดิน ทับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวนาง-นาค จ.กระบี่ โดยมิชอบ ร่วมกับ กับ พ.ต.ท.ชลินทร์ วิชัยดิษฐ์ นายโกศล บุญพ่อมี นางศศิพันธ์ เอียดเอื้อ นางสุภา หิรัญโรจน์ นายนิคม คงทุ่ม นางสุวรรณา ลือประสงค์จิตร นางวนิดา รัตนมณี หรือ รัตตมณี นายปคุณ บุญยเกียรติ นายชูศิลป์ วะนา นางวิชุดา จันทโร น.ส.ธัญยพร จันทโร นายอุดมศักดิ์ ช่วยรุย นายกรกฏ กิงเล็ก นางวรรณทนงค์ คงทุ่ม นายบริรักษ์ เกบุตร นายพงพันธ์ สืบศิริวิริยะกุล นายสุทัศน์ เหล่าสกุล จ.ส.อ.เอกราช คงเจริญนางสมทบ มนัสวโรวงศ์ นายก่อเฉ็ม บุตรหลี นายสมเกียรติ คงทุ่ม นายนิคม โสภี นายสมชาย ดอกพุฒ นายบรรจบ บุตรธรรม นางเพ็ญศรี ไตรวิชช์ปัญญา นางจินตนา ทับทิมทอง นางสมจิตต์ ศิริคำ จ่าตรีหญิงศรีปราชญ์ ทองดี น.ส.ปรีดาพร พืชพันธ์ นายนนทศักดิ์ มาลาสา นายกำธร อร่ามรุ่งโรจน์ เพื่อให้ทุกคนได้ไปซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ที่ป่าสงวนแห่งชาติอ่าวนาง-หางนาค จ.กระบี่


เป็นความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม)และเมื่อปรับบทดั่งกล่าวซึ่งเป็นบทเฉพาะแล้วไม่จำเป็นต้องปรับบททั่วไป ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157(เดิม)อีก
 

ศาลฯ พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) จำคุก 15 ปี


จำเลยที่ 3 และ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 (เดิม) ประกอบมาตรา 83 การกระทำของจำเลย ที่ 3 และที่ 4 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 33 กระทง เป็นจำคุกคนละ 165 ปี แต่รวมทุกกระทงแล้วให้จำคุกคนละ 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 (3)

 

ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 เนื่องจากขาดอายุความ เพราะพ้นจากราชการเนื่องจากอายุครบ 60 ปี เมื่อสิ้นปีงบประมาณ 2538 คือวันที่ 30 ก.ย.2538 คดีมีการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.2551 กรมสอบสวนคดีพิเศษ ทำหนังสือกล่าวหา จำเลยที่ 2 ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2552 เป็นเวลาพ้นกำหนด 2 ปี นับแต่จำเลยที่ 2 พ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ย่อมมีผลทำให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจรับสำนวนไว้สอบสวน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2