สิระจัดหนักก้าวไกล “ก้าวลงเหว” ปมเลื่อนประชุมสภา

05 ม.ค. 2564 | 05:13 น.

“สิระ เจนจาคะ” สบช่องสวนมวย “พิจารณ์ เชาวพัฒนพงศ์” บ้านเมืองเผชิญวิกฤตโควิด อะไรสำคัญกว่ากันระหว่างการดูแลความเดือดร้อนประชาชนกับรัฐธรรมนูญ เหตุฝ่ายหลังให้สัมภาษณ์รู้สึกผิดหวังที่มีการเลื่อนประชุมสภาออกไป 2 สัปดาห์  

 

นายสิระ เจนจาคะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ กล่าววันนี้ (5 ม.ค.) ถึงกรณีที่ นายพิจารณ์ เชาวพัฒนพงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคก้าวไกลรู้สึกผิดหวังที่ให้งดการประชุมออกไป 2 สัปดาห์ เพราะจะทำให้การผ่านกฎหมายหลายฉบับเกิดความล่าช้า เช่น การพิจารณาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติมว่า ส.ส.พรรคก้าวไกล ต้องตระหนักถึงความสำคัญก่อนหลัง การประชุมสภาแบบที่เสนอไม่ใช่จำนวนคนเพียงแค่ 245 คนเท่านั้น แต่หมายรวมถึง ข้าราชการสื่อมวลชน และคนงานก่อสร้างอาคารรัฐสภา จำนวนมากที่ต้องมาอยู่รวมกันในสถานที่ ๆเดียว และถ้าเกิดการแพร่ระบาดก็ไม่ได้หมายถึง ส.ส.ที่มาประชุมจะได้รับเชื้อคนเดียว แต่จะเกิดความเสี่ยงไปถึงคนรอบข้าง และประชาชนในพื้นที่ ๆ ส.ส.ต้องกลับไปพบเจอ จะปล่อยให้ประเทศไทยติดเชื้อครึ่งค่อนประเทศแบบประเทศแถบยุโรปหรืออย่างไร

นายสิระ เจนจาคะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ (ขอบคุณภาพจากเนชั่นทีวี)

“สถานการณ์เช่นนี้ โควิดกระจายไปทั้งโลก ไม่เพียงเฉพาะประเทศไทย ผมจึงอยากถามว่า เรื่องอะไรสำคัญที่สุด ใช่เรื่องความปลอดภัย ความเป็นอยู่ ปากท้องของประชาชนใช่หรือไม่ กฎหมายรัฐธรรมนูญทุกฝ่ายก็ยืนยันแล้วว่าจะต้องแก้ให้เสร็จในสมัยรัฐบาลชุดนี้ และที่สำคัญการประชุมสภายังมีเวลาเหลือเฟือ เพิ่มวันประชุมทีหลังก็สามารถทำได้ ผมไม่เข้าใจว่า ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่เข้ามาเป็นตัวแทนของประชาชน วันนี้ทำไมถึงให้ความสำคัญกับรัฐธรรมนูญมากกว่าความเดือดร้อนของประชาชนที่เขาเลือกพวกคุณเข้ามา หรือเพราะพวกคุณส่วนใหญ่เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่รวบรวมคะแนนมาจากบรรดา ส.ส.สอบตก จึงไม่เข้าใจหน้าที่ของ ส.ส.ว่าต้องทำอะไร”นายสิระ กล่าว พร้อมกันนี้ยังเสริมว่า

 

พรรคก้าวไกลและพรรคฝ่ายค้านบางคนต้องหยุดเล่นแต่เกมการเมือง ยุยง ปลุกปั่น เพราะประชาชนในพื้นที่กำลังรอให้ส.ส.กลับไปดูแลประชาชน อย่าเอาแต่เวลาไปประกันตัวบรรดาแกนนำม็อบทั้งหลาย  “ผมได้รับเสียงสะท้อนจากประชาชนว่าไม่เคยเห็นหน้าพวกคุณไปดูแลเขาเลย ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อให้แก้รัฐธรรมนูญอีกกี่ฉบับ ก็คงยากที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน วันนี้ผมคิดว่าพรรคก้าวไกล ไม่เหมาะสมที่จะใช้ชื่อนี้แล้ว น่าจะเป็นก้าวลงเหวมากกว่า” นายสิระกล่าวทิ้งท้าย