คำสั่งทรัมป์ทิ้งทวนก่อนหมดอำนาจ ถอดถอน บ.จีนจากตลาดหุ้นนิวยอร์ก 3 บริษัทเทเลคอมโดนแล้ว

04 ม.ค. 2564 | 04:15 น.

สหรัฐเริ่มกระบวนการถอดบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนออกจากตลาดหุ้นนิวยอร์กแล้ว ประเดิมกับ 3 บริษัทด้านโทรคมนาคม และคาดว่ารายถัดไปที่จ่อคิดโดนเชือดจะเป็นบริษัทน้ำมัน ฐานมีความเกี่ยวพันกับกองทัพจีน แต่อ้างไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานการตรวจสอบบัญชี

 

นักวิเคราะห์จากบลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนส์ คาดการณ์ว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกา อาจ ถอดถอนบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของจีนออกจากการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้ประกาศ เริ่มกระบวนการถอดบริษัทโทรคมนาคมชั้นนำของจีนออกจากตลาด แล้ว

 

การถอดถอนหุ้นของบริษัทเหล่านี้เป็นไปตามคำสั่งของคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ตัดสินใจขึ้นบัญชีดำบริษัทที่ถูกควบคุมหรือเป็นเจ้าของโดยกองทัพจีน ทั้งที่เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันเขาก็กำลังจะก้าวลงจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐแล้ว

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า บริษัทน้ำมันรายใหญ่ของจีนที่อาจถูกเพ่งเล็งให้ถูกถอนออกจากการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดสหรัฐนั้น จะรวมถึงบริษัทไชน่า เนชั่นแนล ออฟชอร์ ออยล์ คอร์ป (CNOOC) บริษัทปิโตรไชน่า และบริษัทซิโนเปค โดยบริษัทเหล่านี้ถูกจับตาเพราะภาคพลังงานมีบทบาทสำคัญต่อกองทัพจีน

 

ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ตลาดหุ้นนิวยอร์กประกาศว่า ทางตลาดหุ้นได้เริ่มกระบวนการถอดบริษัทจีน 3 รายออกจากตลาดแล้ว โดย 3 บริษัทดังกล่าวล้วนแต่เป็นบริษัทโทรคมนาคมชั้นนำของจีน ได้แก่ ไชน่าเทเลคอม , ไชน่าโมบายล์ และไชน่ายูนิคอม (ฮ่องกง)

คำสั่งทรัมป์ทิ้งทวนก่อนหมดอำนาจ ถอดถอน บ.จีนจากตลาดหุ้นนิวยอร์ก 3 บริษัทเทเลคอมโดนแล้ว

แถลงการณ์จากตลาดหุ้นนิวยอร์กระบุว่า บริษัทที่กำลังจะถูกถอดออกเหล่านี้ “ไม่มีคุณสมบัติเหมาะสม” ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กอีกต่อไป การถอดถอนหุ้นทั้ง 3 บริษัทจากตลาดหุ้นนิวยอร์กส่งผลให้ราคาหุ้นบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ของจีนทั้ง 3 รายข้างต้น ร่วงลงอย่างหนักในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นฮ่องกงช่วงเช้านี้ (4 ม.ค.) โดยราคาหุ้นไชน่าเทเลคอม ร่วงลง 5.6% ขณะที่หุ้นไชน่าโมบายล์และหุ้นไชน่ายูนิคอม ดิ่งลง 4.5% และ 3.4% ตามลำดับ

 

อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารรายหนึ่งจากธนาคารยูโอบีในฮ่องกงมองว่า การถอดบริษัทโทรคมนาคมกลุ่มนี้ออกจากตลาดหุ้นนิวยอร์กไม่น่าจะส่งผลกระทบมากนัก เนื่องจากปริมาณการซื้อขายหุ้นของบริษัทเหล่านี้ค่อนข้างน้อยและตัวบริษัทเองก็ได้เงินจากการระดมทุนไม่มาก

 

ขณะเดียวกัน ทางด้านกระทรวงพาณิชย์จีนได้ตอบโต้ความเคลื่อนไหวในสหรัฐว่า จีนจะดำเนินการตามความจำเป็นเพื่อคุ้มครองสิทธิของบริษัทจีน และหวังว่าทั้งสองประเทศจะปฏิบัติต่อธุรกิจและนักลงทุนอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม

 

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามบังคับใช้กฎหมาย "The Holding Foreign Companies Accountable Act" ในวันที่ 18 ธ.ค. 2563 ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ที่เปิดโอกาสให้มีการถอดหุ้นของบริษัทจีนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐได้ หากบริษัทนั้น ๆไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานการตรวจสอบบัญชี Public Accounting Oversight Board (PCAOB) ของสหรัฐภายในระยะเวลา 3 ปี

 

กฎหมายดังกล่าวจะห้ามบริษัทต่างชาติจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐด้วย หากไม่ปฎิบัติตามมาตรการการตรวจสอบบัญชี PCAOB ของสหรัฐภายใน 3 ปี

 

แม้กฎหมายฉบับนี้ซึ่งถูกมองว่าเป็นผลงานทิ้งทวนของปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ก่อนก้าวลงจากตำแหน่ง จะออกมาเพื่อบังคับใช้กับบริษัทต่างชาติทั้งหมดที่จดทะเบียนในสหรัฐ แต่ก็ถูกมองว่าเป็นการพุ่งเป้าไปที่บริษัทของจีนโดยเฉพาะ ซึ่งนับเป็นความพยายามอีกครั้งของรัฐบาลปธน.ทรัมป์ที่จะเพิ่มความตึงเครียดกับจีนในสัปดาห์ท้ายๆ ก่อนที่ทรัมป์จะอำลาตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้