ต้นสัปดาห์นี้ (28 ธ.ค.) รัฐบาลบังคลาเทศ นำ ชาวโรงฮิงญาอพยพ กลุ่มที่สองไปพำนักที่ชุมชนเกิดใหม่ที่ทางการบุกเบิกสร้างสาธารณูปการพื้นฐานเอาไว้ให้บน เกาะ “บาซัน ชาร์” (Bhasan Char) ซึ่งเป็นเกาะโดดเดี่ยวในอ่าวเบงกอลที่ไม่เคยมีประชากรอยู่อาศัยบนเกาะมาก่อน แต่ทางการบังคลาเทศโดยปฏิบัติการของกองทัพเรือ ได้เข้ามาเตรียมการสร้างเขื่อนกั้นน้ำทะเล สุเหร่า โรงพยาบาล และบ้านพักอาศัยเอาไว้ให้ชาวโรงฮิงญาอพยพแล้ว โดยมีการอพยพชาวโรงฮิงญากลุ่มแรกกว่า 1,642 คนจากศูนย์ผู้อพยพค็อกซ์ บาซาร์ มายังเกาะแห่งนี้เมื่อช่วงต้นเดือนธ.ค. จากนั้นกลุ่มที่สองก็ตามมาต้นสัปดาห์นี้ (28 ธ.ค.) แม้ว่ากระแสเสียงคัดค้านจะยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
โดยองค์กรแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ องค์กรนิรโทษกรรมสากล และองค์กรสิทธิมนุษยชน ฮิวแมน ไรท์ วอทช์ ได้ออกมาคัดค้าน ขอให้รัฐบาลบังคลาเทศยุติโครงการดังกล่าวโดยระบุว่า เกาะบาซัน ชาร์ ซึ่งอยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ราว 34 กม. และต้องนั่งเรือไปเป็นเวลาหลายชั่วโมงนั้น เป็นเกาะที่เพิ่งโผล่พ้นน้ำทะเลมาเมื่อ 20 ปีที่แล้วนี้เอง ไม่มีความเหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัย ที่ตั้งอยู่บนเส้นทางของพายุไซโคลนปีละหลายลูก เกิดน้ำท่วมได้ง่ายและบ่อยครั้ง อีกทั้งเมื่อถึงช่วงเวลาที่น้ำขึ้นสูง ทั้งเกาะอาจถูกน้ำท่วม นอกจากนี้ ยังมีการตั้งข้อสันนิษฐานว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ผู้อพยพชาวโรฮิงญาเหล่านี้จะถูกชักจูงโน้มน้าวให้อพยพมายังเกาะแห่งนี้โดยไม่ได้รับข้อมูลที่แท้จริง
องค์กรเอ็นจีโอระหว่างประเทศเหล่านี้ยังตั้งข้อสังเกตว่า ชาวโรฮิงญาที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานบนเกาะแห่งนี้อาจไม่ได้มาโดยเต็มใจ และพวกเขาหวังว่ารัฐบาลบังคลาเทศจะเปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบเกาะแห่งนี้โดยองค์กรอิสระ
นายซาอัด ฮัมมาดี หัวหน้าโครงการประจำภาคพื้นเอเชียใต้ขององค์กรนิรโทษกรรมสากล เปิดเผยว่า ความห่วงกังวลเกี่ยวกับโครงการอพยพชาวโรฮิงญามายังเกาะบาซัน ชาร์นั้น เกิดจากการขาดความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนพื้นฐาน เช่นสิทธิในการเข้าถึงสถานพยาบาล หรือเสรีภาพในการเดินทางของชาวโรฮงญาระหว่างเกาะดังกล่าวกับศูนย์อพยพที่พวกเขาเคยอยู่ ขณะที่องค์กรฮิวแมน ไรท์ วอทช์ แถลงว่า ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่บนเกาะบาซัน ชาร์ มีจำกัดจำเขี่ยมาก นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ทางการอาจให้ข้อมูลที่ทำให้ชาวโรฮิงญาเข้าใจผิดถึงได้ยอมอพยพมาหรือไม่ก็อาจมีการให้สิทธิประโยชน์ล่อใจมา
อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้เจ้าหน้าที่ของบังคลาเทศได้ออกมาปฏิเสธแล้ว โดยนายอับดุลเลาะห์ อัล มามัน โชดูรี นายตำรวจอาวุโสซึ่งเป็นผู้อำนวยการโครงการชุมชนเกาะบาซัน ชาร์ เปิดเผยกับสื่อท้องถิ่นว่า ในวันที่ 28-29 ธ.ค. มีการอพยพชาวโรงฮิงญากลุ่มที่สองมาอีกประมาณ 700 – 1,000 คน เพิ่มเติมจากกลุ่มแรกที่มาต้นเดือนธ.ค.กว่า 1,600 คน เขาเชื่อว่าชุมชนมีความพร้อมสำหรับผู้อพยพโรฮิงญา นอกจากนี้ นายมอสตาฟิเซอร์ ราห์มัน เอกอัครราชทูตบังคลาเทศประจำสหประชาชาติในกรุงเจนีวา ได้ออกมายืนยันว่า ผู้อพยพทุกคนมาที่เกาะโดยสมัครใจ รัฐบาลได้จัดเตรียมความพร้อมสำหรับพวกเขาเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความเป็นอยู่ที่ดี และมีความปลอดภัย ทั้งนี้ มีการลงทุนเพื่อเตรียมความพร้อมสาธารณูปโภคต่าง ๆบนเกาะรวมทั้งเขื่อนกันน้ำทะเลความยาว 12 กม. เพื่อป้องกันน้ำท่วมวงเงินกว่า 112 ล้านดอลลาร์
นับตั้งแต่เดือนส.ค. 2560 มีชาวโรฮิงญาอพยพหนีภัยจากประเทศเมียนมาเข้ามาอยู่ที่ศูนย์อพยพค็อกซ์ บาซาร์ในบังคลาเทศ จนถึงขณะนี้มีจำนวนราว 700,000 คน ชุมชนโรงฮิงญาเกาะบาซัน ชาร์ จะสามารถรองรับชาวโรฮิงญาจากศูนย์อพยพแห่งนี้ได้ราว 100,000 คน บริษัทรับเหมาก่อสร้างเปิดเผยกับสื่อท้องถิ่นว่า บ้านพักอาศัยบนเกาะเป็นอาคารคอนกรีตที่สามารถพักอาศัยได้หลายครอบครัว มีความทันสมัย มีถนน โรงเรียน และสุเหร่า ระบบไฟฟ้าใช้พลังงานจากแสงแดด มีระบบน้ำประปา และอาคารพักชั่วคราวในฤดูกาลที่มีพายุไซโคลน
อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนต่างชาติยังไม่ได้รับอนุญาตให้มาเยือนเกาะแห่งนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ยูเอ็นเผย 'เมียนมา' ไม่พร้อม "รับโรฮิงญากลับประเทศ"