ล็อกดาวน์-พึ่งตัวเอง เอาชีวิตรอดจากโควิด

01 ม.ค. 2564 | 01:00 น.

ล็อกดาวน์-พึ่งตัวเอง เอาชีวิตรอดจากโควิด : คอลัมน์อยู่บนภู ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3641 หน้า 4 ระหว่างวันที่ 3-6 ธ.ค.2564 โดย... กระบี่เดียวดาย

จากสถานการณ์ภาพรวมของการติดเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศยังไม่ดีขึ้น และไม่ตัดสินใจดำเนินมาตรการที่เหมาะสมอย่างทันเวลา คาดการณ์ว่าคลื่นระบาดลูกที่สองนี้ อาจทำให้เรามีการติดเชื้อใหม่รวมอย่างน้อย 23,000-33,000 คน และใช้เวลาต่อสู้อย่างหนักหน่วงนานราว 3 เดือน “รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์” คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาเตือนไว้อย่างน่าสนใจ

 

ในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดโควิดรอบ 2 เที่ยวนี้ ดูเหมือนจะหนักหนาสาหัสเอาการ และดูจากท่าทีและมาตรการรัฐ อาจพูดได้ว่ารัฐไม่เข้มแข็งเพียงพอในการออกมาตรการ และบริหารจัดการสถานการณ์โควิดที่รุนแรง

 

การตัดสินใจดำเนินมาตรการของรัฐจะต้องไม่รีรอ ละล้าละลังหรือเก้ๆกังๆ ต้องเห็นแก่ชีวิตคน ป้องกันรักษาชีวิต ป้องกันไม่ให้ติดเชื้อเป็นลำดับแรก รักษาชีวิตเอาไว้ให้ได้ก่อน และปัจจัยอื่นจะตามมา

 หมอธีระ ยกตัวอย่างประเทศที่ระบาดซ้ำ  88 % เผชิญกับการระบาดที่รุนแรง และยาวนานกว่าระลอกแรก  12 % ที่เหลือสามารถคุมโรคให้ไม่มากไปกว่าระลอกแรกได้

 

สถานการณ์ในประเทศไทยแทบเรียกได้ว่าเข้าขั้นโคม่าไปแล้ว โดยการระบาดเพิ่มจำนวนสูงมากในแต่ละวัน และกระจายไปทั่วประเทศแทบทุกจังหวัดไปแล้วที่มีผู้ติดเชื้อ และติดเชื้อในหมู่ประชาชนทุกเพศ ทุกวัยไปแล้ว

 

ที่สำคัญยังปล่อยให้เกิดเหตุ การณ์ superspreading events กระจายในวงกว้าง และมีผู้ติดเชื้อที่ไม่ทราบต้นตอมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะนำไปสู่การระบาดที่ควบคุมไม่ได้เป็นเวลานาน รวมทั้งการติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการ ซึ่งจะไม่มีใครทราบญาติสนิท คนในครอบครัวติดเชื้อหรือไม่

 

“ทุกคนมีสิทธิที่จะติดเชื้อจากคนอื่นโดยไม่รู้ตัว หรือแพร่เชื้อไปให้ผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว หากไม่ป้องกันโดยการใส่หน้ากาก 100%, ไม่รักษาระยะห่างเวลาพบเจอกันพูดคุยกัน, ไม่ล้างมือหลังจากจับมือถือแขนหรือโอบกอดกัน, หรือไม่ลดละเลี่ยงกิจกรรมเสี่ยงที่มีคนหมู่มากมาอยู่กันอย่างใกล้ชิดแออัด” หมอธีระ เตือน

 

สิ่งที่ต้องระมัดระวังและเป็นคู่มือสำคัญ คือ ทุกคนต้องรู้ว่าเมื่อออกจากบ้านมีความเสี่ยงในทันที จึงต้องระวังป้องกัน และหลีกเลี่ยงไม่พาตัวเองเข้าไปในจุดเสี่ยง

 

ลด ละ เลิก ปาร์ตี้สังสรรค์เป็นการชั่วคราวทันที งดเข้าร่วมงานชุมนุมคนจำนวนมาก งานบวช งานบุญ งานแต่ง งานบันเทิง 

 

ไม่ไปสถานที่เสี่ยง ผับ บาร์ สนามกีฬา สนามม้า สนามมวย สนามกอล์ฟ (ถ้ายังเปิดอยู่) งดเดินทางชั่วคราวด้วยเหตุตามสถานีขนส่ง สนามบิน สถานีรถโดยสาร ท่าเรือ ล้วนเป็นสถานที่เสี่ยง 

 

“ล้วนเป็นการต่อสู้ด้วยลำพังตัวเอง ป้องกันตัวเอง ระแวดระวังด้วยเหตุแห่งการประเมินของรัฐและการดูแลที่แบ่งแยกตามโซนสีในเบื้องต้นจากรัฐส่วนกลางต่ำเกินไป”

รัฐบาลเพิ่งอนุมัติงบทางด้านสาธารณสุข เพื่อป้องกันแก้ไขโรคโควิดเมื่อปลายปีที่ผ่านมา 10 โครงการ 1.13 หมื่นล้านบาท เป็นการเฝ้าระวัง 4.33 พันล้านบาท อย่างค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัยอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในชุมชน จำนวน 1.05 ล้านคน ระยะเวลา 3 เดือน การเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินอัน จัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุข ยารักษาโรค วัคซีนป้องกันโรคและห้องปฏิบัติการ เร่งรัดการเข้าถึงวัคซีน พัฒนาห้องปฏิบัติการชีวนิรภัย

 

รักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อ  โครงการพัฒนาศักยภาพระบบบริการสุขภาพ จัดหายาและวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ โครงการค่าบริการสาธารณสุขภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ การจัดซื้อจัดหาเครื่องมือตรวจสอบระบบการแพร่กระจายเชื้อในห้องแยกโรค และอุปกรณ์การคัดกรองโรค โครงการพัฒนาระบบปกติใหม่ ของการบริการการแพทย์ฉุกเฉิน

 

“รัฐบาลได้เตรียมงบประมาณไว้เพียงพอต่อการดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19” คำแถลงจากรัฐบาล

 

ดูจากสถานการณ์ความรุนแรงของการแพร่ระบาด และมาตรการการจัดการของรัฐ งบประมาณตามโครงการที่อนุมัติ ดูเหมือนจะไม่ทันท่วงทีกับอาการของโรคที่เกิดขึ้นในยามนี้

 

ก็เพิ่งมาอนุมัติงบตรวจ งบป้องกัน งบจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ ยา วัคซีน กันวัน 2 วันนี้ ขณะที่ระบาดไปไกลแล้ว และยังหละหลวมในการป้องกันการแพร่เชื้อในวงกว้าง หรือซูเปอร์สเปรดเดอร์ ดังจะเห็นได้จากปล่อยให้เชื้อแพร่กระจายจากบ่อนการพนันและแรงงานต่างด้าว ที่อาจผ่านขบวนการแรงงานเถื่อน

 

ล็อกดาวน์ตัวเอง สวมหน้ากาก 100%

 

พึ่งตัวเองเท่านั้น จะเป็นคำตอบของการมีชีวิตรอดในห้วงเวลานี้ !!!