ความหวัง “วัคซีนโควิด” ของคนไทย

01 ม.ค. 2564 | 00:30 น.

ความหวัง “วัคซีนโควิด” ของคนไทย : คอลัมน์ฐานโซไซตี ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3641 หน้า 4 ระหว่างวันที่ 3 ม.ค.-6 ม.ค.2564 โดย... ว.เชิงดอย

+++ สวัสดีปีใหม่ 2564 จากปีชวด มาเป็นปีฉลู “ว.เชิงดอย” ก็ขออวยพรให้เป็นปี “วัวทอง” ของแฟนๆ “ฐานเศรษฐกิจ” ทุกท่าน แม้จะต้องเจอกับอุปสรรคใดๆ ในหน้าที่การงาน ก็ขอให้ฟันฝ่าจนสำเร็จลุล่วงไปให้ได้ทุกอุปสรรค ทุกขวากหนาม มีฐานะทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นยิ่งกว่าเก่า ทุกคน ทุกธุรกิจกันนะครับ

 

+++ แน่นอนว่า ในปี 2564 นี้ สิ่งที่เรายังจะหลีกหนีไม่พ้นก็คือ โรคระบาดไวรัสโคโรนา 2019 หรือ “โควิด-19” ที่เกือบทุกประเทศทั่วโลก และรวมถึงประเทศไทย ต้องต่อสู้กับโรคร้ายตัวนี้ต่อไป กล่าวสำหรับบ้านเรา การระบาดของโควิด-19 ระลอกสอง ที่หนักกว่าระยะแรก จาก “สมุทรสาคร” แพร่ขยายไปในหลายจังหวัด ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อกระจายแล้วอยางน้อบ 43 จังหวัด ส่วนสถานการณ์โลก มีผู้ติดเชื้อสะสมแล้วมากว่า 81 ล้านราย เสียชีวิตสะสม กว่า1.7 ล้านคน

 

+++ “หมอทวีศิลป์ วิษณุโยธิน” โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ระบุโดยอ้างอิงข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขว่า มีความเป็นห่วงช่วงปีใหม่ ถ้าเราไม่ทำตามมาตรการป้องกันที่วางไว้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อต่อวันอาจพุ่งเป็นหลักพันหลักหมื่นในกลางเดือนมกราคา 2564 แต่ถ้าให้ความร่วมมือกับมาตรการต่างๆ ตัวเลขจะอยู่ที่หลักร้อย ยิ่งถ้าลดการเคลื่อนย้าย ลดการพบปะ กราฟผู้ติดเชื้อจะเป็นแบบช่วงที่ผ่านมาคือ เลียบไปกับพื้นที่

+++ สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะยังคงมีต่อไป ตราบใดที่ประเทศไทย ยังไม่มี “วัคซีน” ฉีดป้องกันให้กับประชาชนทุกคน ดังนั้น ต้องตั้งความหวังว่า ในปีหน้า 2564 นี้ “คนไทย” น่าจะต้องทยอยได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคร้ายนี้ให้ได้ ซึ่งความคืบหน้าในการใช้วัคซีนเพื่อป้องกันโควิดนั้น ประเทศสหรัฐ เริ่มฉีดวัคซีนของ Pfizer ให้กับบุคลากรทางการแพทย์และบุคคลทั่วไปไปแล้ว ส่วนผู้ผลิตวัคซีนรายอื่น ๆ Moderna ก็เพิ่งได้รับการรับรองจาก องค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ขณะวัคซีน Sinovac ของจีนและ Sputnik V ของรัสเซีย ก็เริ่ฉีดให้กับประชาชนแล้ว

 

+++ หันมาดูความหวังการมี “วัคซีน” ใช้ของประเทศไทย บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ได้เซ็นสัญญาจองการจัดซื้อวัคซีนAZD1222  ที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด ของอังกฤษ กับ บริษัทสยาม-ไบโอซายน์ ที่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ถือหุ้น 100% กับบริษัท Astra Zeneka Thailand และ Astra Zeneka ประเทศอังกฤษ  ด้วยสัญญา 2 ฉบับ เมื่อวันที่ 24 พฤษจิกายน 2563  ที่ทำเนียบรัฐบาล

+++ โดยฉบับแรกเป็นสัญญาจองซื้อวัคซีนวง เงิน 2,379.4 ล้านบาท  ส่วนอีกฉบับเป็นสัญญาจัดซื้อและบริหารจัดการวัคซีน วงเงิน 3,670.3 ล้านบาท (เมื่อได้วัคซีนแล้ว) ทั้งหมดเป็นวัคซีนเพียงจำนวน 26 ล้านโดสสำหรับประชาชน 13 ล้านคน และจะได้วัคซีนตั้งแต่กลางปี 2564 เป็นต้นไป การที่ประเทศไทยร่วมมือกับบริษัท Astra Zeneka วิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด โดยประเทศไทยเป็นเพียงประเทศเดียวในอาเซียนที่ได้สิทธิในการผลิตวัคซีนนี้ ศักยภาพการจะผลิตจะผลิตได้ปีละ 200 ล้านโดส หรือวันละ 5 แสนโดส และจะได้รับอนุญาตให้ผลิตเพื่อประเทศอื่นแถบอาเซียนด้วย ขณะเดียวกัน “ประเทศไทย” ยังสามารถขอซื้อวัคซีนจากประเทศอื่นได้อีก ไม่ว่าจะเป็นจาก Pfizer, Moderna, Sinovac หรือ Sputnik V ซึ่งขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพ ราคาที่เจรจา และคิวที่จะได้รับ เพราะแต่ละประเทศก็ต้องผลิตให้เพียงพอสำหรับคนในประเทศเขาก่อน แล้วจึงจะผลิตให้ประเทศพันธมิตรอื่น

 

+++ สำหรับไทยก็ไม่ใช่ว่าเราจะรอแต่หวัง “วัคซีนโควิด” จากประเทศอื่นเท่านั้น เราก็มีความพยายามที่จะ “ยืนบนขาตัวเอง” เพราะสถาบันวิจัยจากจุฬาฯ  ม.มหิดล ที่คิดค้นวิจัยวัคซีนโควิดของเราเอง ก็อยู่ระหว่างการทดลองกับมนุษย์และอาจจะใช้เวลาอีก 2-3 ปี แต่ก็ถือเป็นการพัฒนาเพื่ออนาคตของคนไทยด้วยกันเอง …ก็ขอเอาใจช่วยนักวิจัยของไทยให้ประสบความสำเร็จโดยเร็ว เพราะเชื่อว่า “นักวิจัยไทย” ก็เก่งไม่แพ้ชาติใดในโลกเหมือนกัน...