คณะราษฎร วีรบุรุษ หรือ โจราประชาธิปไตย

30 ธ.ค. 2563 | 07:07 น.

คณะราษฎร วีรบุรุษ หรือ โจราประชาธิปไตย : คอลัมน์ข้าพระบาท ทาสประชาชน ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3640 ระหว่างวันที่ 31 ธ.ค.2563 – 2 ม.ค.2564 โดย...ประพันธุ์ คูณมี

เหตุจากการเคลื่อนไหวชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มเยาวชนปลดแอก และกลุ่มราษฎร 2563 ที่เรียกร้องให้มีการปฎิรูปสถาบันและบังอาจให้มีการจัดการเกี่ยวกับทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เสียใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือสิ่งที่แกนนำ ได้นำแนวคิดคิดและอุดมการณ์ของคณะราษฎร 2475 ขึ้นมาเป็นธงนำขบวนการ โดยสอดคล้องกับแนวคิดของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ นางสาวพรรณิการ์ วานิช ที่ประกาศว่า จะสืบทอดเจตนารมณ์ของคณะราษฎรให้ปรากฎเป็นจริง

 

ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีโดยทั่วไปว่าคณะราษฎร 2475 คือ คณะบุคคล ที่ยึดอำนาจการปกครองและพยายามล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อสร้างประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐ เพียงแต่ยังกระทำการมิสำเร็จตามเป้าหมาย การที่กลุ่มผู้ชุมนุมและคณะของนายธนาธร ต้องการสืบทอดเจตนารมณ์ของคณะราษฎร และใช้ชื่อคณะราษฎร 2563 ในการชุมนุม จึงมิอาจทำให้เข้าใจเป็นอื่นได้ นอกเสียจากกลุ่มบุคคลเหล่านั้นต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ และเชิดชูยกย่องให้คณะราษฎร 2475 เป็นวีรบุรุษประชาธิปไตย ในสายตาของพวกเขา

           

คณะราษฎร 2475 เป็นวีรบุรุษ หรือคณะโจรในคราบประชาธิปไตยกันแน่ เป็นเรื่องที่ถูกตีกินมายาวนาน ทำให้หลายคนก็หลงเชื่อเช่นนั้นตลอดมา ความปรากฎขึ้นเมื่อ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักคิดนักเขียนมันสมองคนสำคัญของฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ค้นคว้าประวัติศาสตร์เรื่องนี้ นำมาตีแผ่ จึงทำให้คนไทยเริ่มตาสว่างถึงความจริงว่า คณะราษฎรที่แท้ก็คือคณะโจรดีๆ นี่เอง ความจริงเรื่องนี้ผู้เขียนเองก็เพิ่งได้รับทราบเช่นกัน จึงขอนำบันทึกส่วนหนึ่งจากหลายๆ เรื่องที่ อ.ปานเทพ ได้สรุปไว้มาเผยแพร่ต่อผู้อ่าน เพื่อคนไทยจะได้ไม่ตกเป็นเครื่องมือหลงเชื่อพวกม็อบคณะเรี่ยราดอีกต่อไป อ.ปานเทพ ที่ได้พูดคุยสัมภาษณ์กับลูกชายคณะราษฎรคนสำคัญได้บันทึกไว้ดังนี้

 

บันทึก พลโท สรภฏ นิรันดร บุตรชายของพันตรีสเหวก นิรันดร (ขุนนิรันดรชัย) หนึ่งในคณะราษฎร 2475 ขอพระราชทานอภัยโทษ

วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ.2563) พลโท สรภฏ นิรันดร บุตรชายของพันตรีสเหวก นิรันดร หรือ ขุนนิรันดรชัย หนึ่งในสมาชิกผู้ก่อการคณะราษฎร 2475 สายทหารบก ได้แถลงข่าวสำนึกผิดแทนบิดา โดยผมสรุปเนื้อความและการสัมภาษณ์เพิ่มเติมดังต่อไปนี้่

 

ประการแรก เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2496- 2499 ขุนนิรันดรชัย ได้ล้มป่วยเป็นโรคเส้นโลหิตสมองตีบ เป็นอัมพาต ได้กล่าวกลับ พลโทสรภฏ บุตรชายในขณะที่อายุ 14 ปี ด้วยน้ำตาว่า ที่ป่วยเป็นเช่นนี้เพราะผิดต่อคำสาบานในการดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยา และเบียดบังพระราชทรัพย์ในพระคลังข้างที่ และทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์มาเป็นของตัวเอง และพรรคพวกในคณะราษฎร มีความต้องการที่จะขอพระราชทานอภัยโทษ แต่ก็ไม่สามารถทำได้แล้วเพราะล้มป่วยลง ได้แต่น้ำตาไหลร้องไห้ เป็นเช่นนี้หลายครั้ง

 

ประการที่สอง พลโทสรภฏ นิรันดร ได้ปรึกษาพี่ชายต่างมารดาคือ นายธรรมนูญ นิรันดร ว่าสมควรที่จะต้องดำเนินการขอพระราชทานอภัยโทษ แต่ปรากฏว่านายธรรมนูญ นิรันดร ก็ป่วยด้วยโรคเส้นโลหิตสมองและเสียชีวิต จึงไม่ทันที่จะขอพระราชทานอภัยโทษอีก

 

ประการที่สาม พลโทสรภฏ นิรันดร แจ้งว่า ปัจจุบันบุตรของขุนนิรันดรชัย ได้เหลือเพียง 4 คน แต่ 3 คนที่เหลือต่างต้องนั่งรถเข็นและพิการเช่นกัน ในฐานะที่เป็นบุตรชายคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ จึงตัดสินใจทำพิธีขอพระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้

 

ประการที่สี่ พลโทษสรภฏ นิรันดร แจ้งว่า ขุนนิรันดรชัยเป็นนายกองสร้างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และมีเงินไปสร้างอาคาร 4 ชั้น เป็นที่พักอาศัยที่ดินที่ได้มาจากพระคลังข้างที่ให้มาเป็นของขุนนิรันดรชัย (ปัจจุบันให้เซนต์ แอนดรูว์ เช่าอยู่) และยังมีที่ดินของพระมหากษัตริย์อีก 2 ที่อย่างชัดเจน ได้แก่ ที่ดินหัวหิน ใกล้วังไกลกังวล และที่ดินบนนถนนสาทรอีก 3 ไร่กว่า ซึ่งความประสงค์ส่วนตัวต้องการที่จะคืนทรัพย์สินเหล่านี้ที่ได้มาจากพระมหากษัตริย์ คืนกลับให้กับสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับสมาชิกของทายาทผู้ได้ที่ได้รับมอบมรดกที่เหลือว่าจะมีความเห็นอย่างไร

 

ประการที่ห้า อยากฝากให้คนรุ่นใหม่ที่ศึกษาประวัติศาสตร์ จะต้องศึกษาให้ละเอียดถี่ถ้วน เพราะไม่มีใครต้องการเผยแพร่ด้านลบในประวัติศาสตร์ของตัวเอง จึงควรพิจารณาข้อมูลข่าวสารอย่างมีสติไม่ให้ใครนำไปชักจูงได้โดยง่าย

 

หลังจากนั้น พลโทสรภฏ นิรันดร จึงได้ทำพิธีขอพระราชทานอภัยโทษ ตามวีดีโอคลิปด้านล่าง  

 

หลังจากนั้นได้มาจับมือและคุยกับผม และให้ผมได้มีโอกาสสัมภาษณ์เดี่ยวเพิ่มเติม เพื่อการบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องเพิ่มเติมดังนี้

 

ประการที่หก พลโทสรภฏ นิรันดร แจ้งว่ายังมีคนต้องการที่สำนึกผิดและต้องการขอพระราชทานอภัยโทษอีก เช่น บุตรชายของหลวงเชวงศักดิ์สงคราม ที่เคยบอกตนว่าต้องการจะแสดงความสำนึกผิดและต้องการขอพระราชทานอภัยโทษ แต่ก็ไม่สามารถทำได้และเสียชีวิตไปเสียก่อน และเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่มีความคิดแบบนี้

ประการที่เจ็ด พลโทสรภฏ นิรันดร แจ้งว่า ขุนนิรันดรชัย มีความสัมพันธ์ได้รับความไว้วางใจจากจอมพล ป.มากที่สุด การที่เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พระยาพหลพลพยุหเสนานั้น แท้ที่จริงเป็นเด็กฝากของจอมพล ป.เอง  จอมพลป.ทำธุรกิจไม่เป็น แต่อาศัย ขุนนิรันดรชัย เป็น “ท่อน้ำเลี้ยง” ให้กับจอมพลป. และติดต่อนักธุรกิจในการนำเงินไปให้ จอมพล ป. ด้วย

 

ประการที่แปด หลังพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 สละราชสมบัติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ขึ้นครองราชย์ ขุนนิรันดรชัย ได้มีโอกาสร่วมขบวนไปอัญเชิญในหลวงรัชกาลที่ 8 และคณะราษฎรรับปากกับสมเด็จย่าว่าจะถวายความปลอดภัย ไม่ให้เป็นอันตราย โดยขุนนิรันดรชัยได้ย้ายมาที่สำนักราชเลขานุการในพระองค์ ของผู้สำเร็จราชการ

 

ประการที่เก้า พลโทสรภฏ นิรันดร แจ้งว่า ท่อน้ำเลี้ยงของจอมพล ป.นั้นในช่วงแรกนั้นมาจากทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์ที่ ขุนนิรันดรชัยได้จัดมาให้ และกรณีของการซื้อที่ดินพระคลังข้างที่ในราคาถูกๆให้กับเครือข่ายทางการเมืองนั้น เป็นไปตามบัญชาการของ จอมพล ป. ไม่เกี่ยวกับพระยาพหลพลพยุหเสนา และไม่เกี่ยวกับนายปรีดี พนมยงค์ ดังนั้นการขายที่ดินพระคลังข้างที่ของจอมพล ป.คืนกลับนั้นเป็นการสร้างภาพเท่านั้น

 

ประการที่สิบ  พลโท สรภฏ นิรันดร แจ้งว่า พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา ประธานผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ อยู่ในสถานภาพที่ต้องทำตามความต้องการของขุนนิรันดรชัย ด้วยเพราะในเวลานั้นอิทธิพลของคณะราษฎรอยู่เหนือฝ่ายเจ้า จึงสามารถได้ทุกอย่างที่ต้องการทั้งเครื่องราชย์ ฐานันดรศักดิ์ และเงิน

 

ประการที่สิบเอ็ด พลโทสรภฏ นิรันดร แจ้งว่า ขุนนิรันดรชัย มีเงินมากจึงมาร่วมก่อตั้งธนาคารนครหลวงไทยกับหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ รวมถึงธนาคารไทยทนุ ขุนนิรันดรชัยไม่ใช่ท่อน้ำเลี้ยงของหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ แต่มีฐานะเป็นเพื่อนและหุ้นส่วนมากกว่า

 

ประการที่สิบสอง การที่ขุนนิรันดรชัย กลายเป็นประธานหรือกรรมการบริษัทจำนวนมาก จนกลายเป็นมหาเศรษฐีในยุคนั้น เป็นสถานภาพที่เป็นตัวฝากจากรัฐบาล เพื่อนำเงินท่อน้ำเลี้ยงจากนักธุรกิจมาหล่อเลี้ยงคนรัฐบาลนอกระบบ

 

ประการที่สิบสาม  การรัฐประหารของพลโทผิน ชุณหะวัน นั้นผู้ที่อยู่เบื้องหลัง คือ จอมพลป. โดยอาศัยท่อน้ำเลี้ยงจากขุนนิรันดรชัย หลังจากนั้นได้มีกลุ่มใหม่ที่ทำหน้าที่นำท่อน้ำเลี้ยงจากภาคเอกชนมาเลี้ยงรัฐบาล และการที่จอมพลสฤษฎิ์ รัฐประหารสำเร็จ ส่วนหนึ่งเพราะขุนนิรันดรชัย ได้เสียชีวิตไปแล้ว จึงทำให้กลุ่มทุนของจอมพล ป.กระจัดกระจายเป็นหลายสาย และไม่มีกำลังต้านรัฐประหารได้

 

ประการที่สิบสี่ พลโทสรภฏ นิรันดร กล่าวด้วยน้ำตาหลายครั้งในการแถลงข่าว และได้แจ้งกับผมว่ารู้สึกโล่งอก เหมือนยกภูเขาออกจากอก ที่เก็บบาดแผลเป็นปมในใจติดค้างมาหลายสิบปี และได้มาทำหน้าที่ตามที่ขุนนิรันดรชัยมีความประสงค์แล้ว

 

สำหรับผมเองในฐานะผู้เขียนประวัติศาสตร์ในเรื่องนี้มาหลายตอนต่อเนื่องกัน ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น “เหนือคาด” และเป็นการยืนยันว่าข้อเขียนที่ผมได้นำเสนอ ตลอดจนสิ่งที่ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ได้พูดออกอากาศนั้นมีความถูกต้อง ผมขอชื่นชมความกล้าหาญของ พลโท สรภฏ นิรันดร ในครั้งนี้ และสัญญาจะนำเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษ และเรื่องราวเหล่านี้ให้สังคมไทยได้เข้าใจอย่างถูกต้องต่อไป

 

อ่านบันทึกนี้แล้ว ท่านทั้งหลายคงได้คำตอบ ใครคือวีรบุรุษ ใครคือโจรสวมหน้ากากประชาธิปไตย ปล้นทรัพย์สินพระเจ้าแผ่นดิน