สเปนบุกหนัก ขอขึ้นแท่นผู้นำตลาดพลังงานไฮโดรเจนโลก

28 ธ.ค. 2563 | 08:44 น.

คอลัมน์ ชี้ช่องจากทีมทูต

โดยศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์

กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมาดริด

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

 

การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่ไม่หยุดยั้งในโลกยุคปัจจุบัน และจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการใช้พลังงานมีมากขึ้นเป็นเท่าตัว แหล่งพลังงานในรูปแบบเดิมที่เป็นพลังงานฟอสซิลมีข้อจำกัด ทั้งในเรื่องของปริมาณและมลพิษ ทำให้ทุกประเทศต่างพยายามที่จะส่งเสริม การใช้พลังงานทดแทน ที่ สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ ได้และ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

 

ในบรรดาพลังงานทดแทนที่มีอยู่ในปัจจุบัน “ไฮโดรเจน” ถือเป็นหนึ่งในพลังงานที่กำลังได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตัวอย่างที่ชัดเจน ได้แก่ การที่สหภาพยุโรป (European Union - EU) ได้ประกาศรับรอง “ยุทธศาสตร์ไฮโดรเจน” เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2563  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันให้ทุกภาคส่วนลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านการใช้ไฮโดรเจนสีเขียวภายในปี 2593 หรือในอีก 30 ปีข้างหน้า

 

ยุทธศาสตร์ไฮโดรเจน

 

ในฐานะสมาชิกของสหภาพยุโรป รัฐบาลสเปนได้ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Decarbonization) ให้ได้มากกว่า 90% ภายในปี 2593 (ค.ศ. 2050) เมื่อเทียบกับระดับการปล่อยก๊าซ เมื่อปี 2533 (ค.ศ. 1990) โดยให้ความสำคัญกับไฮโดรเจนสีเขียวในฐานะแหล่งพลังงานทางเลือกที่จะทำให้เกิดความยั่งยืนด้านพลังงานของประเทศเช่นกัน   

 

ไฮโดรเจน นับเป็นธาตุที่พบมากที่สุดบนโลก แต่การจะนำมาใช้งานจะต้องแปรสภาพให้เป็นก๊าซไฮโดรเจนเสียก่อน โดยผ่านกระบวนการต่าง ๆ อาทิ กระบวนการแปรสภาพเป็นแก๊ส (Gasification) หรือ กระบวนการรีฟอร์มมิงด้วยไอน้ำ (Stream Methane Reforming) หรือ กระบวนการอิเล็กโทรลิซิส (Electrolysis) เป็นต้น

ด้วยเหตุนี้ การที่เรียกว่า “ไฮโดรเจนสีเขียว” ก็เพราะใช้วัตถุดิบหรือสารตั้งต้นที่เป็นชีวมวลหรือของเสียอินทรีย์ จึงถือเป็นพลังงานหมุนเวียนและไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศระหว่างการผลิต ทำให้ไฮโดรเจนสีเขียวมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับไฮโดรเจนประเภทอื่นไม่ว่าจะเป็นไฮโดรเจนสีน้ำตาล หรือสีฟ้า

 

สเปนบุกหนัก ขอขึ้นแท่นผู้นำตลาดพลังงานไฮโดรเจนโลก

เมื่อเดือนต.ค. 2563 ที่ผ่านมา รัฐบาลสเปนได้อนุมัติแผน “Hydrogen Roadmap: a commitment to renewable hydrogen” เพื่อส่งเสริมไฮโดรเจนสีเขียวให้เป็นหนึ่งในพลังงานทดแทนที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายในปี 2593 ตลอดจนช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศหลังวิกฤต COVID-19 รวมถึงส่งเสริมระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนด้วย  แผนดังกล่าวประกอบด้วย มาตรการที่ครอบคลุมเรื่องกฎระเบียบ การส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรม 60 มาตรการ และได้กำหนดเป้าหมายไว้หลายประเด็น เช่น ต้องติดตั้งอิเล็กโทรไลต์ไฮโดรเจนให้ได้ จำนวน 4 กิกะวัตต์ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 10%   ที่สหภาพยุโรปได้วางไว้ภายในปี 2573 ต้องลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้มากกว่า 90% และทำให้สเปนบรรลุเป้าหมายเศรษฐกิจที่มีคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593

 

นอกจากนี้ สเปนยังมุ่งหน้าสู่การเป็นประเทศชั้นนำด้านเทคโนโลยีไฮโดรเจนสีเขียวหรือพลังงานทดแทนของยุโรป โดยอาศัยความได้เปรียบด้านภูมิอากาศและภูมิประเทศที่สามารถรองรับการจัดตั้งโรงงานผลิตพลังงานทดแทนได้เป็นจำนวนมาก

 

ส่วนความสามารถในการผลิตไฮโดรเจนสีเขียวของสเปนในปัจจุบัน สเปนมีความได้เปรียบในเรื่องการแข่งขันด้านราคาเนื่องจากมีต้นทุนการผลิตไฮโดรเจนต่ำกว่าเยอรมนีถึง 35% ทำให้ในอนาคตสเปนน่าจะสามารถขยายกำลังการผลิตเพื่อการส่งออกไฮโดรเจนสีเขียวไปจำหน่ายในประเทศอื่น ๆในอียู

การผลิตไฮโดรเจนสีเขียวได้ด้วยตนเองนั้น ยังช่วยให้สเปนลดการพึ่งพาแหล่งพลังงานจากต่างประเทศ ได้อย่างมาก เนื่องจากสเปนนำเข้าพลังงานอย่างก๊าซและน้ำมันถึง 73% ซึ่งหากการพัฒนาพลังงานทดแทนเป็นไปตามแผนที่รัฐบาลสเปนวางไว้ คาดว่า ในปี 2593 สเปนอาจลดการพึ่งพาพลังงานต่างประเทศเหลือเพียงแค่ 13% เท่านั้น และจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานระหว่างปี 2564 - 2593 ได้ถึง 344,000 ล้านยูโร เลยทีเดียว

 

ก่อนหน้านี้ภาคเอกชนสเปนยังไม่กล้าที่จะพัฒนาไฮโดรเจนสีเขียวมากนัก เนื่องจากไม่มั่นใจในความเสี่ยงของตลาดพลังงาน และต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างสูง แต่ภายหลังที่สหภาพยุโรปได้ประกาศ “ยุทธศาสตร์ไฮโดรเจน” รวมทั้งการที่รัฐบาลสเปนได้ประกาศแผน Hydrogen Roadmap: a commitment to renewable hydrogen นั้น กลับช่วยสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นให้บริษัทพลังงานของสเปนเริ่มให้ความสนใจและกระตือรือร้นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีไฮโดรเจนสีเขียวกันอย่างจริงจังมากขึ้น และล่าสุด เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2563 รัฐบาลสเปนได้ประกาศว่าจะจัดสรรงบประมาณ 1,500 ล้านยูโรจากกองทุนฟื้นฟูยุโรปมาใช้สำหรับการพัฒนาไฮโดรเจนสีเขียวสเปนในช่วงปี 2564 - 2566 อีกด้วย

 

สำหรับประเทศไทยเอง ก็มีเป้าหมายที่จะใช้พลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกให้ได้ถึง 30% ของการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายภายในปี 2579 โดยไทยได้จัดทำและปรับปรุงแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (Alternative Energy Development Plan -  AEDP 2018) เน้นการส่งเสริมพลังงานชีวภาพ ได้แก่ พลังงานจากขยะชีวมวล และก๊าซชีวภาพ เป็นอันดับแรก เพื่อทดแทนการนำเข้าน้ำมันและลดปัญหาสภาวะโลกร้อน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าประเทศไทยได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด แต่การขยายตัวในส่วนของภาคอุตสาหกรรมและการเพิ่มขึ้นของประชากรในประเทศส่งผลให้ไทยต้องพึ่งพาน้ำมันปิโตรเลียมมากขึ้นเพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงาน

 

ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงานควรเรียนรู้จากสเปน และนำแผนส่งเสริมไฮโดรเจนสีเขียวของสเปนมาประยุกต์ในการสร้างธุรกิจใหม่ ๆ และส่งเสริมการวิจัยและการคิดค้นนวัตกรรมด้านพลังงานสะอาดให้มากขึ้น ซึ่งอาจจะช่วยลดปัญหามลภาวะต่าง ๆ อาทิ PM 2.5 ที่มีปริมาณมากขึ้นและกำลังส่งผลเสียต่อสุขภาพและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของชาวไทยในปัจจุบัน และอาจต่อยอดไปสู่การสร้างสิ่งแวดล้อมของประเทศให้เกิดความยั่งยืน ควบคู่ไปกับการแสวงหาแหล่งพลังงานทดแทนใหม่ในประเทศให้มากขึ้น เช่นพลังงานไฮโดรเจน เนื่องจากเป็นพลังงานสะอาดที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ อีกด้วย

 

พบกับอัพเดทความเคลื่อนไหวและโอกาสในตลาดต่างประเทศที่สถานทูตไทยทั่วโลกตั้งใจติดตามมาให้ภาคเอกชนไทยได้ที่เว็บไซต์ www.globthailand.com หากมีข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะเพิ่มเติม สามารถเขียนมาคุยกันได้ที่ [email protected]