สนามบินสุวรรณภูมิแจงกรณีชาวเมียนมาร์ปลอมตัวเป็นนักบินเข้าพื้นที่

24 ธ.ค. 2563 | 10:46 น.

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิชี้แจงกรณีชาวเมียนมาปลอมตัวเป็นนักบินเข้าพื้นที่สนามบิน เผยร่วมมือ สภ. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย ล่าสุดแจ้งข้อหาบุกรุกและอยู่ในประเทศเกินกำหนด (Overstay) ย้ำ ทสภ. ให้ความสำคัญกับการดูแลความปลอดภัยของผู้โดยสารระดับสูงสุด

..สุธีรวัฒน์  สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยว่า ตามที่มีการนำเสนอข่าวว่ามีชาวเมียนมาปลอมตัวโดยแต่งกายเป็นนักบินสายการบินแห่งหนึ่ง ได้เดินเข้า – ออกภายในพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น 

จากข้อเท็จจริง ทสภ. ได้ร่วมกับ สภ. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิดำเนินการกับผู้กระทำผิดตามขั้นตอนทางกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา 

จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่าผู้กระทำผิดรายนี้คือ Mr. YE MIN THU ซึ่งได้แต่งกายคล้ายนักบินและได้พยายามใช้บัตรนักบินของสายการบินแห่งหนึ่งเพื่อผ่านเข้าสู่พื้นที่สำหรับผู้โดยสารภายในประเทศ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2563  

น.ท.สุธีรวัฒน์  สุวรรณวัฒน์

 แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ทสภ. ได้สังเกตเห็นความผิดปกติ ทั้งลักษณะการแต่งกายและบัตรประจำตัว จึงได้เข้าควบคุมเพื่อตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น พร้อมนำส่งตัวไปยัง สภ. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อดำเนินคดีต่อไป 

ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดจากการสอบสวนและตรวจสอบภาพถ่ายในโทรศัพท์มือถือของ Mr.YE MIN THU คาดว่ามีมูลเหตุจูงใจการกระทำความผิด เพราะต้องการสร้างภาพลักษณ์ข้อมูลส่วนตัวว่าเป็นนักบิน เพื่อไปหลอกลวงทางครอบครัวและแฟนสาว 

จากการสอบสวนพบว่าผู้กระทำความผิดมีประวัติการเดินทางเข้ามาประเทศไทยเพื่อศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา โดยเคยศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเอกชนไทยแห่งหนึ่ง แต่เรียนไม่จบ และได้พ้นจากสภาพนักศึกษาแล้ว โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาในสถาบันการบินแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นการเรียนทางออนไลน์ และตลอดเวลาที่อยู่ประเทศไทยพบว่าผู้กระทำความผิดมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง โดยพักอาศัยอยู่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านหัวหมาก 

สนามบินสุวรรณภูมิแจงกรณีชาวเมียนมาร์ปลอมตัวเป็นนักบินเข้าพื้นที่
   น.ท.สุธีรวัฒน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบประวัติของ Mr.YE MIN THU พบว่าเป็นผู้พำนักอยู่ในประเทศไทยมาระยะหนึ่งแล้ว โดยมีการเดินทางเข้า – ออกประเทศไทยอยู่หลายครั้งในฐานะนักศึกษา โดยการเข้าประเทศครั้งล่าสุดได้รับอนุญาตเป็นครั้งที่ 3 ให้อยู่ในประเทศไทยได้ระหว่างวันที่ 17 กุมภาพันธ์ – 23 เมษายน 2563 แต่ผู้กระทำความผิดไม่ได้ขออนุญาตพำนักในประเทศไทยต่ออย่างถูกกฎหมาย 

ดังนั้น ทสภ.จึงได้แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาบุกรุก และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาการอยู่ในประเทศเกินกว่าระยะเวลาที่ได้รับอนุญาต (Overstay) ซึ่งจากการดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายล่าสุดศาลแขวงจังหวัดสมุทรปราการได้ตัดสินจำคุกผู้กระทำความผิดเป็นระยะเวลา 8 เดือน 

  “ทสภ. ให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาความปลอดภัยในทุกด้าน โดยมีฝ่ายรักษาความปลอดภัย ทสภ. ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ทอท. บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่คอยดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ใช้บริการ ทสภ.” น.ท.สุธีรวัฒน์ กล่าวย้ำในตอนท้าย