ล็อกดาวน์ทั่วประเทศอีกครั้ง คือตะปูย้ำฝาโลงท่องเที่ยวไทย

22 ธ.ค. 2563 | 12:41 น.

หลังเกิดเหตุการณ์แพร่ระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโควิด-19 ที่ตลาดและหอพักแรงงานต่างด้าวในจังหวัดสมุทรสาครเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยที่เริ่มจะมีความหวังรำไรกับเทศกาลเคานท์ดาวน์และการท่องเที่ยวช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ก็แทบจะดับวูบในพริบตา

 

รายงานข่าวของ บลูมเบิร์ก ภายใต้พาดหัว Thai Travel Industry Faces ‘Nail in Coffin’ After New Outbreak เผยแพร่วันที่ 22 ธ.ค. สะท้อนภาพ ความเจ็บปวดของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ไว้ว่า หากรัฐบาลประกาศ ล็อกดาวน์ทั่วประเทศ กันอีกรอบ หรือนำมาตรการจำกัดการเดินทางภายในประเทศรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งมาใช้ในห้วงเวลานี้ ก็คงไม่ต่างกับการ “ย้ำตะปูตอกฝาโลง” ให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยหลายรายที่ใกล้หมดลมหายใจเต็มที

 

ไม่มีอะไรย่ำแย่ไปกว่าการมีไวรัสระบาดรอบใหม่ในช่วงเวลาที่ทั้งอุตสาหกรรมฝากความหวังไว้กับการจัดกิจกรรมเคาน์ดาวน์และการเดินทางท่องเที่ยวช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่อีกแล้ว ถ้ามีมาตรการล็อกดาวน์เพิ่มเติมหรือการควบคุม-จำกัดการเดินทางภายในประเทศขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็ถือว่าเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดสำหรับบรรดาผู้ประกอบการ  

 

รายงานข่าวของบลูมเบิร์ก

“ตอนนี้ทุกคนเปิดบริการกันแบบยอมขาดทุนและพยายามที่จะทำรายได้ให้ถึงจุดคุ้มทุนก็ยังดี ถ้าหากรัฐบาลไม่สามารถควบคุมไวรัส และประกาศใช้มาตรการจำกัดการเดินทางข้ามจังหวัดหรือควบคุมการเดินทางด้วยเที่ยวบินภายในประเทศ เมื่อนั้นก็คงได้เห็นโรงแรม ร้านอาหาร บริษัทเรือท่องเที่ยว ฯลฯ ม้วนเสื่อปิดกิจการกันระนาว อย่างน้อยก็เป็นการชั่วคราว” นายแอนโทนี ลาร์ค ประธานสมาคมโรงแรมภูเก็ต ให้สัมภาษณ์บลูมเบิร์ก เขาให้ความเห็นเชิงเปรียบเทียบว่า มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศหรือการจำกัดควบคุมการเดินทางภายในประเทศรอบใหม่ จะไม่ต่างกับ “ตะปูตอกฝาโลง” สำหรับผู้ประกอบการหลายรายที่ทำธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว

นายแอนโทนี ลาร์ค ประธานสมาคมโรงแรมภูเก็ต

ด้านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันจันทร์ (21 ธ.ค.) ว่า จะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ในการประเมินสถานการณ์และตัดสินใจว่าจำเป็นต้องใช้มาตรการรับมือที่เข้มข้นมากขึ้นกว่านี้หรือไม่

 

การแพร่ระบาดรอบใหม่ที่ตลาดสดจังหวัดสมุทรสาครนี้ ทำให้ยอดรวมสะสมผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยพุ่งขึ้นสู่ระดับ 5,289 รายในวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทั้งที่ 1 วันก่อนหน้านั้น รัฐบาลเพิ่งประกาศแผนจะผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทางให้แก่นักท่องเที่ยวจาก 56 ประเทศ รวมทั้งสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสิงคโปร์  

ประเทศไทยกำลังตั้งความหวังกับการฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเพื่อให้เป็นหัวจักรฉุดดึงไทยหลุดพ้นจากภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ แม้ว่าเร็ว ๆนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเผยความคาดหมายว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะใช้เวลาราว ๆ 2 ปีในการกลับมาขยายตัวที่ระดับเดียวกับที่เคยทำได้ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19

 

ทั้งนี้ ในปี 2562 ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 40 ล้านคนโดยประมาณ สร้างรายได้มากกว่า 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  

 

ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างประเทศยังดูแผ่วบางไม่อาจฝากความหวังได้อีกหลายเดือนข้างหน้า นักท่องเที่ยวภายในประเทศคือจักรเฟืองสำคัญที่นำรายได้และความคึกคักมาสู่แหล่งท่องเที่ยวหลายแห่งของไทย รวมทั้งภูเก็ต ที่ผู้ประกอบการท้องถิ่นกำลังกางแผนทำกิจกรรมสร้างรายได้ช่วงส่งท้ายปลายปี

 

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ที่ไทยประกาศปิดประเทศไม่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงปลายเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจากกรุงเทพก็เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของภูเก็ต ครองส่วนแบ่งตลาดถึง 99% ประธานสมาคมโรงแรมภูเก็ตเปิดเผยว่า ก่อนหน้าการระบาดของโควิด-19 กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติครองตลาด 2 ใน 3 ของการท่องเที่ยวภูเก็ต และเป็นแหล่งที่มาของรายได้การท่องเที่ยวประมาณ 90%

 

“ตอนนี้นักท่องเที่ยวจากกรุงเทพในช่วงสุดสัปดาห์ช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆในภูเก็ตที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว สามารถดำเนินการต่อไปได้ โรงแรมบางแห่งมีอัตราการเข้าพักในบางช่วงถึง 80% แต่หากรัฐบาลประกาศมาตรการควบคุมใหม่ ๆ ออกมา ก็จะเท่ากับเป็นการตอกตะปูฝาโลงบรรดาธุรกิจที่มีการรับจองที่พักกันไว้แล้ว และกำลังรอคอยนักท่องเที่ยวจากกทม.”

 

ข้อมูลอ้างอิง

Thai Travel Industry Faces ‘Nail in Coffin’ After New Outbreak

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แถลงการณ์นายกฯ "จ่อยกระดับ" สู้โควิดระบาดระลอกใหม่

เปิด 28 จุด พื้นที่เสี่ยง"โควิด-19"ทั่วประเทศ

จวกรัฐล้มเหลว “ภูเก็ต โมเดล” ธุรกิจโรงแรมวิกฤต