ตุรกีช็อก เครื่องช่วยหายใจระเบิด ผู้ป่วยโควิดขั้นวิกฤตดับ 9 ราย

20 ธ.ค. 2563 | 09:23 น.

เกิดเหตุสลดที่แผนกผู้ป่วยวิกฤต (ICU)โรคโควิด-19 ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในประเทศตุรกีวานนี้ (19 ธ.ค. เวลาท้องถิ่น) เมื่อเครื่องช่วยหายใจสำหรับผู้ป่วยเกิดระเบิดและตามมาด้วยเพลิงไหม้ ทำให้ผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิตจำนวน 9 ราย

 

สื่อต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ ที่โรงพยาบาลเอกชนมหาวิทยาลัยซันโก (Sanko University Hospital) ในเมืองกาซีอันเตป ทางตอนใต้ของประเทศตุรกีเมื่อวานนี้ (19 ธ.ค.) โดยการระเบิดเกิดขึ้นกับอุปกรณ์ผลิตออกซิเจนของ เครื่องช่วยหายใจผู้ป่วยในแผนกผู้ป่วยวิกฤตโควิด-19 ซึ่งภายหลังการระเบิดได้เกิดเพลิงไหม้ตามมา

 

แม้ว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยจะสามารถเข้าระงับเหตุได้อย่างรวดเร็ว แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ ก็ส่งผลให้ผู้ป่วยโควิด-19ในแผนกดังกล่าวเสียชีวิต จำนวน 9 ราย อายุระหว่าง 56-85 ปี

 

หลังจากเกิดเหตุ ผู้ป่วยในแผนก ICU อีก 14 รายได้ถูกย้ายไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลใกล้เคียง ขณะที่การสอบสวนสาเหตุการระเบิดและอุบัติภัยครั้งนี้ยังคงดำเนินต่อไป

 

นายฟาเร็ตติน โคกา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของตุรกีทวีตข้อความบนทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า ผู้ป่วยโควิด 9 รายเสียชีวิตในเหตุเพลิงไหม้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีรายงานในเบื้องต้นว่ามีผู้เสียชีวิต 8 ราย

 

เจ้าหน้าที่ได้แถลงแสดงความเสียใจต่อทางครอบครัวของเหยื่อผู้เสียชีวิต พร้อมทั้งจะดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาอย่างเร่งด่วนและเต็มความสามารถ รายงานข่าวระบุว่า ปัจจุบัน ตุรกีมียอดผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วประเทศเกือบ ๆ 2,000,000 ราย และเสียชีวิตแล้ว 17,610 ราย แผนก ICU ของโรงพยาบาลทั่วประเทศมีผู้ป่วยเข้ารับบริการแล้วราว 74% ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ตาม องค์การด้านสาธารณสุขของตุรกีเผยว่า ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าความเป็นจริง ซึ่งปัจจุบันบรรดาโรงพยาบาลมีจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้นมากจนเต็มกำลังที่รองรับแล้ว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ล็อกดาวน์ “อิตาลี” ทั่วประเทศ สกัดโควิดพุ่งช่วงคริสต์มาส-ปีใหม่

FDA พบสารเคมีในวัคซีนต้านโควิดอาจเป็นต้นเหตุอาการแพ้

ทั่วโลกติดโควิด-19 ทะลุ 76.5 ล้านราย เพิ่มขึ้น 5.9 แสนราย

 

สถิติล่าสุดเมื่อวันศุกร์ (18 ธ.ค.) ชี้ว่า จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่เสียชีวิตรายวันในตุรกีได้พุ่งขึ้นแตะระดับ 246 ราย ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวขยับขึ้นเป็น 17,610 ราย