หอการค้าร่วมต่างประเทศในไทย (JFCCT) 35 คน เข้าหารือพร้อมกับยื่นข้อเสนอให้กับรัฐบาลในการแก้ปัญหาอุปสรรคในการทำธุรกิจในไทย โดยยื่นข้อเสนอให้รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยเฉพาะนักธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะที่เดินทางมาจากต่างประเทศที่ต้องกักตัว 14 วัน ในสถานที่สำหรับเป็นที่กักตัวผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ (Alternative State Quarantine) โดยต้องการปรับลดระยะเวลาลงมาให้เหมาะสม
หอการค้าร่วมต่างประเทศในไทยมองว่า หากเกิดกรณีเครื่องจักรในโรงงานมีปัญหา และมีความจำเป็นต้องใช้ช่างทางเทคนิคจากต่างประเทศเข้ามา แต่ต้องมาพบมาตรการกักตัว 14 วัน จะส่งผลกระทบต่อการผลิต ควรปรับลดเวลาหรือกักตัวอยู่ในโรงงานที่สามารถสั่งงานได้
นอกจากนี้ในส่วนดึงดูดการลงทุน ขอให้เร่งเปิดให้นักธุรกิจต่างชาติเข้ามาลงทุนธุรกิจบริการ โดยไม่ต้องขออนุญาตดำเนินธุรกิจในไทยภายใต้บัญชีแนบท้าย 3 ของ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้ามาลงทุน ซึ่งจะทำให้เกิดการจ้างแรงงานและถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับไทยได้
การปรับระบบระเบียบต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้น กรณีการขอวีซ่าพิเศษของนักธุรกิจต่างชาติเพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้ามาติดต่อดำเนินธุรกิจ หรือสมาร์ทวีซ่า ช่วยทำให้การนำผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะสูงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาปฏิบัติงานในประเทศไทยได้ง่ายขึ้น รวมทั้งใบอนุญาต Work permit ในการเข้ามาทำงานในประเทศไทย ต้องการให้มีความสะดวกรวดเร็วจะช่วยเสริมสร้างบรรยากาศการลงทุน
เราเห็นด้วยกับข้อเสนอของนักธุรกิจต่างชาติ โดยเฉพาะประเด็นการลดระยะเวลากักตัวให้สั้นลงจาก 14 วัน อาจลดเหลือเพียง 5 วัน พร้อมมีมาตรการติดตามตัวในรูปแบบอื่นๆ หรือจำกัดพื้นที่กับนักธุรกิจที่จะเข้ามาเพื่อบริหารจัดการควบคุมการระบาดโควิด-19 ตามความจำเป็น
การพึ่งพาเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ ยังเป็นสิ่งจำเป็นและกรณีที่รัฐบาลยังห้ามการเข้ามาของนักท่องเที่ยว ทำให้สูญเสียรายได้ไปจำนวนมาก เม็ดเงินลงทุนต่างชาติจึงเป็นสิ่งจำเป็น และในการเข้ามาลงทุนในประเทศต่อรายส่วนใหญ่เป็นวงเงินกว่าพันล้าน ซึ่งไม่อาจใช้เครื่องมือสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ในการบริการให้กับนักลงทุนส่วนนี้ที่จำเป็นต้องเข้ามาสำรวจพื้นที่ด้วยตัวเองได้ การผ่อนคลายนักธุรกิจด้วยการลดระยะเวลากักตัวให้สั้นลง โดยอาจพิจารณาจับคู่กับประเทศต้นทางที่ปลอดเชื้อโควิด-19 หรือมีเชื้อเบาบางในระดับที่ควบคุมได้ จึงเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องหยิบยกขึ้นมาพิจารณาโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เสียโอกาสการลงทุนไปให้กับเวียดนามที่เป็นคู่แข่งสำคัญ ในการดึงลงทุนจากต่างชาติอยู่ในขณะนี้