บิตคอยน์ร้อนแรง ราคาพุ่งทำนิวไฮทะลุ 20,000 ดอลลาร์

17 ธ.ค. 2563 | 05:43 น.

บิตคอยน์พุ่งทะลุระดับ 20,000 ดอลลาร์วานนี้ (26 ธ.ค.) ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากการเปิดเผยตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐที่ซบเซา ซึ่งทำให้มีการคาดหมายว่ารัฐบาลของนายโจ ไบเดน และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในปีหน้า

 

"บิตคอยน์" สกุลเงินดิจิทัล ทำราคาพุ่งขึ้น 1,337.75 ดอลลาร์ หรือ 6.91% สู่ระดับ 20,677 ดอลลาร์ ในการซื้อขายบนแพลตฟอร์มของ CoinDesk ณ เวลา 22.22 น.วานนี้ (16 ธ.ค.) ตามเวลาไทย ซึ่งถือเป็น การทำสถิติราคาสูงสุด อีกครั้ง

 

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกลดลง 1.1% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 หลังจากลดลงมาแล้ว 0.1% ในเดือนต.ค.

 

บิตคอยน์ร้อนแรง ราคาพุ่งทำนิวไฮทะลุ 20,000 ดอลลาร์

 

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ยอดค้าปลีกจะลดลงเพียง 0.3% ในเดือนพ.ย. การชะลอตัวของยอดค้าปลีกได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และการที่ภาคครัวเรือนมีรายได้ลดลง เนื่องจากชาวอเมริกันจำนวนมากประสบภาวะตกงาน

 

ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร ลดลง 0.5% ในเดือนพ.ย. หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนต.ค.

 

นอกจากนี้ บิตคอยน์ ยังดีดตัวขึ้นหลังจากที่กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยรายงานรอบครึ่งปีว่าด้วยประเทศที่บิดเบือนค่าเงิน โดยสหรัฐได้ขึ้นบัญชีเวียดนามและสวิตเซอร์แลนด์ เป็นประเทศที่ทำการปั่นค่าเงินเพื่อหวังผลทางการค้า

 

ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังสหรัฐได้ขึ้นบัญชีไทย ไต้หวัน และอินเดีย เป็นประเทศล่าสุดที่ถูกจับตามอง หรือ Watch List เนื่องจากอาจมีการใช้มาตรการลดค่าเงินเมื่อเทียบกับสกุลดอลลาร์

 

ส่วนประเทศอื่น ๆ ที่ถูกจับตามองยังได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย สิงคโปร์ อิตาลี และเยอรมนี

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บิตคอยน์พุ่งไม่หยุด จ่อทุบนิวไฮใกล้ 20000 ดอลลาร์

บิตคอยน์แกว่งแรง ดิ่ง 13% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 10 วัน

เบื้องหลังความร้อนแรง “บิตคอยน์” ทุบนิวไฮเหนือ 19,800 ดอลล์

 

ทั้งนี้ บิตคอยน์นับเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ทำราคาดีที่สุดในปีนี้ โดยมีราคาพุ่งขึ้นมากกว่า 170% นับตั้งแต่ต้นปี 2563

นักวิเคราะห์กล่าวว่า การดีดตัวของบิตคอยน์ในครั้งนี้แตกต่างจากในอดีต เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากกระแสตอบรับที่คึกคักจากกลุ่มบริษัทฟินเทค และนักลงทุนรายใหญ่ในตลาด เช่น นายพอล ทิวดอร์ โจนส์ และนายสแตนลีย์ ดรักเคนมิลเลอร์ ซึ่งแตกต่างจากในปี 2560 ที่ผู้ลงทุนในบิตคอยน์ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนรายย่อย

 

เพย์พาล (PayPal) ยักษ์ใหญ่ฟินเทค ประกาศเมื่อไม่นานมานี้ว่า บริษัทจะเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถทำการซื้อขายบิตคอยน์และสกุลเงินคริปโตอื่น ๆ และในช่วงต้นปีหน้า (2564) โดยบริษัทมีแผนจะให้ลูกค้าใช้สกุลเงินคริปโตในการซื้อสินค้าจากเครือข่ายร้านค้าปลีกจำนวน 26 ล้านรายของทางบริษัท

 

ทางด้าน “สแควร์” (Square) ซึ่งเป็นบริษัทฟินเทคของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า บริษัทได้เข้าซื้อบิตคอยน์มูลค่าถึง 50 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ยังได้เปิดให้บริการสกุลเงินคริปโตสำหรับลูกค้าที่ใช้แอปพลิเคชัน Cash ของทางบริษัท

บิตคอยน์ยังได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลและธนาคารกลางทั่วโลกพากันออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมาตรการดังกล่าวได้ทำให้สกุลเงินของหลายประเทศอ่อนค่าลง รวมทั้งดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้นักลงทุนหันมาถือครองบิตคอยน์ในฐานะ “สินทรัพย์ทางเลือก”

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังมองว่า บิตคอยน์มีสถานะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นเดียวกับทองคำ ซึ่งนักลงทุนจะแห่เข้าซื้อในช่วงเวลาที่เกิดความตื่นตระหนก ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังใช้บิตคอยน์เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อจากการที่รัฐบาลมีแนวโน้มออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นด้วย

 

นายริค ไรเดอร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนตราสารหนี้ของแบล็คร็อค ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในโลก ให้ความเห็นว่า ในอนาคต บิตคอยน์จะสามารถขึ้นมาทดแทนตำแหน่งของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย