ราคาทองปิดร่วง 11.5 ดอลลาร์ นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัย

15 ธ.ค. 2563 | 00:19 น.

ราคาทองปิดร่วง 11.5 ดอลลาร์ ข่าวความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

ราคาทอง สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) เนื่องจากข่าวความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในประเทศต่างๆ ได้ส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐในวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้
          

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ร่วงลง 11.5 ดอลลาร์ หรือ 0.62% ปิดที่ 1,832.1  ดอลลาร์/ออนซ์

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดาวโจนส์ปิดลบ 184 จุด วิตกล็อกดาวน์ฉุดเศรษฐกิจ

พยากรณ์อากาศวันนี้ ไทยตอนบนอากาศเย็นถึงหนาว มีหมอกหนาบางพื้นที่
          

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 4.5 เซนต์ หรือ 0.19% ปิดที่ 24.047 ดอลลาร์/ออนซ์
         

 สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 6.2 ดอลลาร์ หรือ 0.61% ปิดที่ 1,015.6 ดอลลาร์/ออนซ์
          

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 14.20 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 2,318.90 ดอลลาร์/ออนซ์
          

สำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ได้อนุมัติให้มีการใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์เป็นกรณีฉุกเฉินเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยการอนุมัติของ FDA จะทำให้รัฐบาลสามารถเริ่มแจกจ่ายวัคซีนของไฟเซอร์ให้กับรัฐและเมืองต่างๆในสหรัฐ
          

ทางด้านนายโรเบิร์ต เรดฟิลด์ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) ได้ลงนามอนุมัติให้มีการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์ให้กับชาวอเมริกันอย่างเป็นทางการ โดยได้เริ่มมีการฉีดวัคซีนแล้วเมื่อวานนี้
          

ขณะนี้ สหรัฐ อังกฤษ บาห์เรน แคนาดา และสิงคโปร์ได้ให้การอนุมัติวัคซีนของไฟเซอร์แล้ว โดยอังกฤษได้เริ่มฉีดวัคซีนแก่ประชาชนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ขณะที่แคนาดาได้เริ่มฉีดวัคซีนเมื่อวานนี้
          

อย่างไรก็ดี แม้ราคาทองคำปรับตัวลง แต่นักวิเคราะห์มองว่า ทองคำยังคงเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ทำราคาดีที่สุดในปีนี้ โดยราคาทองพุ่งขึ้น 20% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ขานรับการผ่อนคลายนโยบายการเงิน และการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางทั่วโลก
          

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 15-16 ธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จากปัจจุบันที่ระดับ 8 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน ขณะที่เฟดซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน เพื่อรักษาเสถียรภาพในตลาดการเงิน