แม้จะผ่านมาเกือบ 2 สัปดาห์ นับแต่เจอผู้ป่วยคนแรก เมื่อ 28 พ.ย. 2563 สถานการณ์การติดเชื้อโควิด -19 ที่มีต้นตอจากสถานบันเทิงในเมืองท่าขี้เหล็ก ฝั่งเมียนมา ตรงข้ามอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ยังเขย่าขวัญไม่หยุด เมื่อปรากฏมีผู้ติดเชื้อต่อเนื่องแทบทุกวัน
โดยระยะหลังส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เข้ามาแสดงตนที่ด่านชายแดน เพื่อเข้าสู่กระบวนการคัดกรองและกักกันโรคตามมาตรการด้านสาธารณสุข แต่ยังมีบางรายที่ลักลอบกลับประเทศแล้วกบดานอยู่จนป่วย จึงต้องออกมาตรวจโรคที่โรงพยาบาลหรือคลินิค จึงพบว่าติดเชื้อ ซึ่งพฤติกรรมแบบหลังนี้ที่เพิ่มความเสี่ยงการระบาดให้ผู้สัมผัสใกล้ชิด ทั้งกลุ่มญาติหรือบุคลากรทางการแพทย์
ผลกระทบที่รุนแรงกว่าการติดเชื้อคือความตื่นตระหนกของผู้คน ข่าวคนไทยติดเชื้อโควิด-19 จากท่าขี้เหล็ก ส่งผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวภาคเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เชียงใหม่และเชียงรายทันที ผู้ประกอบการที่พักรีสอร์ต-โฮมสเตย์ในพื้นที่ระบุ มีลูกค้ายกเลิกการจองเกือบ 70% เสียหายแล้วหลายล้านบาท แหล่งท่องเที่ยวที่เคยคึกคักกลับเงียบสงัด ทั้งที่เพิ่งจะเริ่มฟื้นตัวจากคนเดินทางมาสัมผัสลมหนาว และวิตกว่าถ้าลากยาวจะกระทบถึงช่วงหยุดยาวและเทศกาลต้อนรับปีใหม่ที่กำลังมาถึง
ผู้ประกอบการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงรายรู้สึกโกรธแค้น นัดประชุมกับผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย หารือกันว่าจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ลักลอบเข้าเมือง แล้วนำเชื้อโควิด-19 มาแพร่ระบาดใส่คนในประเทศ ทั้งนี้ไม่รวมถึงผู้ที่แสดงตนกลับเข้ามาทางด่านถาวรเพื่อเข้ากระบวนการกักกันโรค
แต่ในมุมกลับก็ต้องพิจารณา ว่าการประโคมจะงัดมาตรการทางกฎหมายมาเล่นงานหรือเอาผิดผู้ลักลอบเข้าเมืองเวลานี้ อาจยิ่งบีบให้คนกลุ่มนี้หลบซ่อนอยู่ใต้ดิน และเพิ่มความเสี่ยงการเป็นพาหะนำเชื้อมาแพร่ในประเทศหรือไม่
ยังนับว่าโชคดีที่ข้อมูลจากการแถลงของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.แต่ละวัน ยังสามารถสอบสวนหาต้นตอของโรคได้ทุกราย รวมถึงที่ติดจากภายในประเทศ ก็พบว่ามีต้นตอจากสถานบันเทิงในฝั่งเมียนมาดังกล่าว
สิ่งสำคัญของการหยุดยั้งตัดวงจรการแพร่ระบาดระลอกนี้คือ ต้องหาตัวกลุ่มเสี่ยง คือผู้ที่เคยทำงานในสถานบันเทิงเมืองท่าขี้เหล็กเพื่อตรวจคัดกรองให้เร็วที่สุด แนวทางเปิดรับให้คนไทยที่ยังตกค้างในท่าขี้เหล็กให้กลับบ้านผ่านด่านถาวรเป็นมาตรการหนึ่งที่เริ่มมีผู้แสดงตนใช้ช่องทางนี้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งปลอดภัยกับทุกฝ่าย
ที่น่ากลัวคือคนที่หลบหนีกลับเข้ามาแล้วกบดานเงียบดังรายล่าสุดที่เชียงราย ที่อาจเป็นพาหะนำเชื้อแพร่ให้คนอื่นรอบตัว ทำอย่างไรให้คนกลุ่มนี้เข้าสู่กระบวนการทางสาธารณสุข อาจต้องใช้ “คลีนิคนิรนาม” เช่นที่เปิดตรวจคัดกรองผู้ป่วยเอชไอวีในอดีตมารองรับ
สถานการณ์ตอนนี้เหมือนไฟไหม้ ต้องดับไฟหรือสกัด “เชื้อโควิด-19” ให้อยู่หมัดก่อน ส่วนการสะสางทางกฎหมายคดีความ หรือช่องโหว่ จดหัวข้อไว้ค่อยแก้ทีหลัง หลังจากดับไฟได้แล้ว