ครม.รับทราบสหรัฐเตรียมตัด GSP สินค้าไทย 231 รายการ มีผล 30 ธ.ค.2563

08 ธ.ค. 2563 | 18:40 น.

ที่ประชุมครม.มีมติรับทราบเรื่องที่สหรัฐอเมริกาจ่อระงับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร “GSP” สินค้าไทย 231 รายการ มูลค่ากว่า 600 ล้านดอลลาร์ มีผล 30 ธ.ค.นี้ โทษฐานที่ไทยห้ามนำเข้าเนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์จากสหรัฐ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้เตรียมมาตรการรองรับผลกระทบจากการถูกตัดสิทธิ GSP ครั้งนี้ ไว้ 4 แนวทาง

 

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยวานนี้ (8 ธ.ค.) ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบเรื่อง สหรัฐอเมริกาประกาศระงับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป หรือ GSP (Generalized System of Preferences) สินค้าไทย 231 รายการ ด้วยเหตุผลประเด็น การเปิดตลาดสินค้าสุกรและผลิตภัณฑ์จากสหรัฐ มีผลวันที่ 30 ธ.ค. 2563 ตามที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เสนอ

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

สาเหตุของการประกาศระงับสิทธิ GSP สินค้าไทย 231 รายการ เนื่องจากไทยห้ามนำเข้าเนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์จากสหรัฐที่มีการใช้สารเร่งเนื้อแดง (แรคโตพามีน) ในระบบการเลี้ยง โดยสหรัฐเรียกร้องให้ไทยแก้ไขกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ค่าการตกค้างสูงสุด (Maximum Residue Limits:MRLs) ของสารเร่งเนื้อแดงในเนื้อสัตว์ตามมาตรฐานของคณะกรรมาธิการโครงการมาตรฐานอาหาร(Codex)ในการพิจารณาการประเมินความเสี่ยงสำหรับการเปิดตลาดเนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์จากสหรัฐ

 

เบื้องหลังการชี้แจงของไทย

ทั้งนี้ คณะผู้แทนไทยนำโดยนายพิศาล พงศาพิชญ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เข้าร่วมการเปิดรับฟังความคิดเห็นของคณะอนุกรรมาธิการ GSP ณ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (United States Trade Representative หรือ USTR) กรุงวอชิงตัน ดีซี เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2563 เพื่อชี้แจงความคืบหน้าในการพิจารณาเปิดตลาดให้กับสินค้าสุกรและผลิตภัณฑ์นำเข้าจากสหรัฐ ที่มีการใช้สารเร่งเนื้อแดงในระบบการเลี้ยงสรุปข้อชี้แจงได้ดังนี้

          2.1 ไทยได้หารือและทำงานร่วมกับฝ่ายสหรัฐมาอย่างต่อเนื่องในกระบวนการประเมินความเสี่ยงจากการตกค้างของสารเร่งเนื้อแดง ซึ่งมีความคืบหน้ามาเป็นลำดับ โดยอยู่ในระหว่างการดำเนินขั้นตอนที่ 4 จากทั้งหมด 9 ขั้นตอน คือ หน่วยงานสัตวแพทย์ของประเทศผู้ส่งออกจัดส่งแบบสอบถามให้กรมปศุสัตว์พิจารณาและให้ความคิดเห็น

          2.2 ไทยยังไม่รับรองค่าการตกค้างสูงสุดตามมาตรฐานที่ Codexให้การรับรอง เนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคของคนไทยจะบริโภคทั้งเนื้อสุกรและเครื่องในสุกร ซึ่งเป็นส่วนที่มีการตกค้างของสารเร่งเนื้อแดงในระดับสูง ดังนั้น การประเมินความเสี่ยงของไทยจึงครอบคลุมทุกชิ้นส่วนเนื้อเยื่อสุกร ในขณะที่มาตรฐานของ Codex ครอบคลุมเพียง 4 เนื้อเยื่อ (กล้ามเนื้อ ไขมัน ตับ และไต)

          2.3 ไทยได้เน้นย้ำเกี่ยวกับการให้ความสำคัญเรื่องการปกป้องความปลอดภัยและสุขภาพของผู้บริโภค และยึดหลักการว่ามาตรฐานที่ใช้กับสินค้านำเข้า จะต้องสอดคล้องกับสินค้าภายในประเทศ หากไทยเปิดตลาดให้สินค้าสุกรที่มีสารเร่งเนื้อแดงจากต่างประเทศในขณะที่ยังห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงในประเทศ จะไม่เป็นธรรมต่อผู้ผลิตในประเทศ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทรัมป์ประกาศตัด GSP สินค้าไทย-มีผล 30 ธ.ค.นี้ 

เปิดเบื้องลึก สหรัฐ ตัด GSP สินค้าไทย เหตุห้ามนำเข้าหมูใช้สารเร่งเนื้อแดง

ควรภูมิใจ สหรัฐตัด GSPไทย

ครม.รับทราบสหรัฐเตรียมตัด GSP สินค้าไทย 231 รายการ มีผล 30 ธ.ค.2563

หลังถูกตัดสิทธิต้องเสียภาษีนำเข้า 3-4%

สำหรับสินค้า 231 รายการ ที่สหรัฐฯ ประกาศระงับสิทธิ GSP นั้น มีการส่งออกโดยใช้สิทธิ GSP จริงเพียง 157 รายการ คิดเป็นมูลค่าการใช้สิทธิฯ 601.50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการระงับสิทธิดังกล่าวมีผลให้ผู้นำเข้าสหรัฐ จะต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตราภาษีปกติ (MFN Rate) เฉลี่ย 3-4% จากเดิมที่ได้รับการยกเว้นเป็น 0% คิดเป็นมูลค่าต้นทุนภาษีที่ต้องเสียเพิ่มประมาณ 18.80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 600 ล้านบาท)

 

โดยรายการสินค้าที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบได้พิจารณาจาก 2 มิติคือ 1)สัดส่วนการใช้สิทธิ GSP และ 2)ระดับอัตราภาษี MFN ที่ต้องชำระ ซึ่งรายการสินค้าที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบปานกลาง-สูง ได้แก่ อุปกรณ์ชิ้นส่วนยานยนต์และส่วนประกอบ กรอบและโครงสร้างแว่นตาทำด้วยพลาสติก เคมีภัณฑ์ ปิโตรเลียมเรซิน เกลือฟลูออรีน และเครื่องนอนที่ทำจากยางหรือพลาสติก

 

ทั้งนี้ จากการประกาศระงับสิทธิฯ สินค้าทั้ง 231 รายการดังกล่าว ทำให้ไทยมีสินค้าที่ได้รับสิทธิฯ คงเหลือ 2,660 รายการ เป็นสินค้าที่มีการใช้สิทธิฯ จริง 645 รายการ มูลค่าการใช้สิทธิฯ ประมาณ 2,622 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

จัดเตรียมมาตรการรับมือผลกระทบ 4 แนวทาง

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของมาตรการรองรับผลกระทบจากการถูกตัดสิทธิ GSP ดังกล่าว ได้มีการเตรียมการไว้ 4 แนวทาง คือ

ครม.รับทราบสหรัฐเตรียมตัด GSP สินค้าไทย 231 รายการ มีผล 30 ธ.ค.2563

         

          1) การหารือกับฝ่ายสหรัฐ เพื่อหาทางออกร่วมกันในทุกช่องทาง เช่น การประชุมคณะมนตรีภายใต้กรอบ Trade and Investment Framework Agreement (TIFA) และการหารือระหว่าง USTR กับผู้แทนฝ่ายไทย ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี

          2) การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างหลากหลาย เช่น Online Business Matching สำหรับสินค้าที่มีความต้องการในตลาดสหรัฐและตลาดใหม่ การส่งเสริมสินค้าไทยเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยใช้ช่องทาง Cross border e-Commerce เข้าถึงผู้บริโภคในตลาดสหรัฐ และตลาดใหม่โดยตรง

          3) การประสานและหารือกับภาคเอกชน เช่น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามผลกระทบที่ภาคเอกชนอาจจะได้รับจากการถูกระงับสิทธิอย่างใกล้ชิด

   และ 4) การจัดทำคลินิกให้คำปรึกษาและจัดสัมมนาให้ความรู้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบเพื่อเพิ่มความสามารถในการปรับตัว รวมถึงให้คำปรึกษาผ่านช่องทางไลน์แอปพลิเคชันชื่อบัญชี “@gsp_helper”

 

สินค้า 231 รายการที่จะถูกตัดสิทธิ GSP 30 ธ.ค.นี้ มีอะไรบ้าง คลิกที่นี่