"ทรัมป์" จ่อลงนามคำสั่งพิเศษให้ชาวอเมริกันได้ฉีดวัคซีนโควิดก่อนช่วยประเทศอื่น

08 ธ.ค. 2563 | 05:23 น.

ปธน.ทรัมป์แก้มือหลังจากที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับการรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่าล่าช้า โดยแหล่งข่าวใกล้ชิดระบุว่า เขาเตรียมลงนามในคำสั่งพิเศษที่จะทำให้มั่นใจว่า ชาวอเมริกันจะได้รับวัคซีนอย่างเพียงพอ ก่อนที่จะจัดสรรไปช่วยเหลือประเทศอื่น ๆต่อไป

 

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา เตรียมลงนามใน คำสั่งพิเศษ วันนี้ (8 ธ.ค.) เพื่อสร้างความมั่นใจว่า วัคซีนต้านโรคโควิด-19 ที่รัฐบาลสหรัฐกำลังดำเนินการจัดซื้อนั้นจะได้รับการ ส่งมอบให้กับชาวอเมริกันเป็นกลุ่มแรก ก่อนที่จะนำไปให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศอื่น ๆ                                                                                                                              

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งระบุว่า คณะทำงานของปธน.ทรัมป์แสดงความมั่นใจว่า สหรัฐจะได้รับวัคซีนที่เพียงพอสำหรับฉีดให้ทุกคนที่ต้องการได้ภายในช่วงไตรมาส 2 ของปีหน้า (2564) ซึ่งเรื่องนี้ขัดแย้งกับรายงานข่าวของนิวยอร์ก ไทมส์ที่ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐได้ออกมาปฏิเสธข่าวที่ว่า ไฟเซอร์ได้เสนอขายวัคซีนเพิ่มเติมให้กับรัฐบาลสหรัฐเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา

 

คำสั่งพิเศษดังกล่าวจะช่วยกำหนดกรอบการทำงานให้กับหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐในการให้ความช่วยเหลือประเทศอื่น ๆ เพื่อให้ได้รับวัคซีน หลังจากที่ประชาชนในสหรัฐได้รับวัคซีนอย่างเพียงพอแล้ว

 

ทั้งนี้ ทำเนียบขาวได้กำหนดจัดการประชุม "Vaccine Summit" ขึ้นในวันนี้ (8 ธ.ค.) เพื่อเน้นย้ำและอธิบายถึงแผนการแจกจ่ายวัคซีนภายใต้โครงการ Operation Warp Speed ที่มีเป้าหมายให้ชาวสหรัฐได้ฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ภายในสิ้นปีนี้ (2563) ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมยาระบุว่า ทำเนียบขาวจะใช้การประชุมดังกล่าวเป็นโอกาสในการกดดัน FDA ให้เร่งอนุมัติการใช้วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ และบริษัทโมเดอร์นา อิงค์เป็นกรณีฉุกเฉิน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทั่วโลกติดโควิด-19 ทะลุ 67.8 ล้านราย เพิ่มขึ้น 4.9 แสนราย

ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเมียนมาทะลุหลักแสนแล้ว

ผู้เชี่ยวชาญเตือนนักลงทุนอย่าเพิ่งแห่ซื้อหุ้นบ.วัคซีนโควิด

 

รายงานข่าวระบุว่า ปธน.ทรัมป์ต้องการจะได้รับการชื่นชมสำหรับการพัฒนาและแจกจ่ายวัคซีนได้อย่างรวดเร็ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เองถูกวิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับการรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19