ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังโอเปกพลัสมีมติลดกำลังการผลิต

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน 4 ธันวาคม 2563

+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังได้รับปัจจัยหนุนจากผลการประชุมของกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตร (OPEC+) ว่าจะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบที่ 7.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือร้อยละ 7 ของความต้องการใช้น้ำมันของโลก ในเดือน ม.ค. 64 โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 500,000 บาร์เรลต่อวันเมื่อเทียบกับระดับการลดกำลังการผลิตในปัจจุบันที่ 7.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน

+ ราคาน้ำมันดิบมีแรงหนุน จากความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่วงเงิน 5 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 11 ธ.ค. นี้

- สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานกำลังการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 100,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ระดับ 11.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ราคน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 3.49 ล้านบาร์เรล

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังมีแรงหนุนจากอุปสงค์จากอินเดีย อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดีเซลมีแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

ที่มา : บมจ.ไทยออยล์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 ธ.ค.) หลังจากที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติคงนโยบายลดการผลิต นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2
          

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 36 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 45.64 ดอลลาร์/บาร์เรล        
          

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 48.71 ดอลลาร์/บาร์เรล