กกร. ปรับคาดการณ์GDPไทยดีขึ้น-6ถึง-7%

02 ธ.ค. 2563 | 06:50 น.

กกร.ปรับคาดการร์GDP ไทยปี63 ดีขึ้น-6ถึง-7% เช่นเดียวกับส่งออกไทยคาดทั้งปีติดลบน้อยลงที่-7ถึง-8% ส่วนปี2564 คาดGDPไทย อยู่ที่2-4% ส่งออกไทยขยายตัว2-5%

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการ กกร. เปิดเผยภายหลังการประชุมกกร.ว่า  ที่ประชุมมีมติปรับคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2563 ดีขึ้น โดยที่ GDP ปี 2563 จะหดตัวในกรอบ -6% ถึง -7% จากเดิมที่คาดการณ์ที่-7%ถึง-9 %ขณะที่การส่งออกจะหดตัวในกรอบ -7% ถึง -8% จากเดิม-8%ถึง-10%ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะหดตัวอยู่ในกรอบ -0.9% ถึง -1%  จากเดิม -1% ถึง-1.5%   โดยมองว่าเศรษฐกิจโลกและไทยในไตรมาสที่สี่ปี 2563 เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่สาม ส่วนความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 และผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เป็นบวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและนโยบายการค้าของสหรัฐฯ  เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในช่วงโค้งสุดท้ายของไตรมาสที่สี่ อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวมีสัญญาณแผ่วลง นอกจากนี้ การส่งออกของไทยยังได้รับผลกระทบทางอ้อมจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เข้มงวดขึ้นภายหลังจากการกลับมาระบาดที่รุนแรงขึ้นในหลายประเทศ

กกร. ปรับคาดการณ์GDPไทยดีขึ้น-6ถึง-7%

สำหรับปี 2564 แม้เศรษฐกิจไทยจะได้รับแรงสนับสนุนจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว แต่ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญในระยะข้างหน้า ที่ประชุม กกร. จึงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2564 จะขยายตัวได้ในกรอบ 2.0% ถึง 4.0% ขณะที่การส่งออกจะขยายตัวในกรอบ 3.0% ถึง 5.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ในกรอบ 0.8% ถึง 1.2% 

อย่างไรก็ตามคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะปรับตัวดีขึ้นแต่ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ  โดยภาคการส่งออกของไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น ในหลังจากมีการใช้วัคซีนในวงกว้างในช่วงครึ่งหลังของปี นอกจากนี้ เศรษฐกิจโลกยังน่าจะได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยจะยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวที่มีสัดส่วนกว่าร้อยละ 10 ของ GDP ยังฟื้นตัวได้อย่างจำกัด รวมถึงตลาดแรงงานยังคงเปราะบาง

 

กกร. ปรับคาดการณ์GDPไทยดีขึ้น-6ถึง-7%

ภาครัฐยังต้องเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2564 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและกำลังซื้อของครัวเรือนที่มีความต่อเนื่องยังคงมีความจำเป็นในการประคับประคองเศรษฐกิจประเทศ นอกจากนี้ การลงทุนของภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญจะเป็นแรงสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมถึง ยกระดับความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจไทยในระยะยาว”

มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมท่องเที่ยว สมาคมโรงแรมไทยได้มาเสนอใน ที่ประชุม กกร. ขอให้ภาครัฐพิจารณาข้อเสนอ 2 มาตรการ  1. มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) สำหรับกรณีหนี้คงเหลือเดิมปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นคงที่ 2%  พร้อมทั้งพักการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 2 ปี และขอวงเงินสนับสนุนเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ธุรกิจไทย อนุมัติปล่อยสินเชื่อได้ไม่เกินรายละ 60 ล้านบาท/โรงแรม ในอัตราดอกเบี้ย 2% ปลอดการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 2 ปี  เมื่อครบกำหนดแล้วให้แปลงเป็นสินเชื่อระยะยาวดอกเบี้ยต่ำผ่อนชำระกับธนาคารพาณิชย์ หากลูกค้ามีหลักประกันไม่พอ ขอให้ บสย. หรือรัฐบาลเป็นผู้จัดตั้งกองทุนค้ำประกัน และไม่จำกัดสิทธิสำหรับโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีวงเงินรวมเกิน 500 ล้านบาท 2. มาตรการสนับสนุนเงินเดือนค่าจ้างร้อยละ 50 Co-payment เพื่อรักษาการจ้างงาน สนับสนุนให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการจ้างพนักงานเดิมจำนวน 200,000 คน (จำนวนไม่เกิน 30% ของจำนวนพนักงานปัจจุบัน) ระยะเวลาดำเนินโครงการ 1 ปี   ทั้งนี้ขอให้ภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง รวมถึงให้มีการใช้จ่ายของภาครัฐและเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐอย่างต่อเนื่อง