ตลาดจับตา 3ปัจจัย ชี้ทิศ ค่าเงินบาท

21 พ.ย. 2563 | 03:46 น.

3ปัจจัยชี้ทิศค่าเงินบาท "ข้อมูลส่งออก สถานการณ์การเมืองในประเทศและโควิด-19 โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และยุโรป"กสิกรไทยมองกรอบอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท(23-27พ.ย.)ที่ 30.00-30.40บาทต่อดอลลาร์

 

 

ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่ 30.00-30.40บาทต่อดอลลาร์ระหว่างวันที่ 23-27 พฤศจิกายน 2563 โดยระบุว่าปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ ข้อมูลการส่งออกเดือนตุลาคม และสถานการณ์ทางการเมือง ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤศจิกายน ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดขายบ้านใหม่ รายได้-รายจ่ายส่วนบุคคล อัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก PCE/Core PCE Price Index เดือนตุลาคม จีดีพีไตรมาส 3/63 (ครั้งที่ 2) และบันทึกการประชุมเฟด (4-5 พ.ย.)

นอกจากนี้ตลาดยังรอจับตาสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และยุโรป ตลอดจนข้อมูล PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนพ.ย. ของสหรัฐฯ และยูโรโซนด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดีเงินบาททยอยอ่อนค่ากลับมาช่วงกลางสัปดาห์หลังทางการส่งสัญญาณเตือนถึงการแข็งค่าที่เร็วเกินไป ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาแข็งค่าอีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์ เนื่องจากตลาดมองว่า มาตรการธปท. ทั้ง 3 เรื่อง ได้แก่ ปรับเกณฑ์ FCD คลายเกณฑ์ลงทุนหลักทรัพย์ต่างประเทศของนักลงทุนไทย และกำหนดลงทะเบียนแสดงตัวตนซื้อ-ขายตราสารหนี้ เป็นมาตรการที่เน้นดูแลสมดุลเงินทุนเคลื่อนย้าย ไม่ใช่การสกัดเงินทุนไหลเข้า ในวันศุกร์ (20 พ.ย.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 30.29 เทียบกับระดับ 30.22 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (13 พ.ย.)

 

 

ตลาดจับตา 3ปัจจัย ชี้ทิศ ค่าเงินบาท

 

สำหรับความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยหุ้นไทยโดยสรุปมองว่าปรับตัวขึ้นตามบรรยากาศตลาดต่างประเทศ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,389.34 จุด เพิ่มขึ้น 3.18% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 81,685.12 ล้านบาท ลดลง 25.88% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 1.48% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 320.99 จุด

 

 

หุ้นไทยขยับขึ้นช่วงต้นสัปดาห์ขานรับตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/63 ของไทย ซึ่งออกมาดีกว่าที่คาด ก่อนจะย่อตัวลงเล็กน้อยในเวลาต่อมาท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองในประเทศ อย่างไรก็ดีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นอีกครั้งตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ โดยมีแรงหนุนจากความคาดหวังเชิงบวกต่อการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 การคงอันดับความน่าเชื่อถือของไทยโดย S&P Global Ratings รวมถึงมุมมองที่ว่ามาตรการดูแลค่าเงินบาทของทางการไม่ได้มีความเข้มงวดมากนัก ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังมีสถานะซื้อสุทธิหุ้นไทยในสัปดาห์นี้