จักรกลสวาท รัสปูติน (ตอน 1)

20 พ.ย. 2563 | 20:00 น.

สายตาที่ฉลาดมาแต่ดวงตาที่ผ่านการเดินทางไกล

อนุสนธิ์มาจากยามบ่ายวันหนึ่งยืนรอรถไฟอยู่ ณ สถานีรถไฟเบอร์โน่ สาธารณรัฐเช็ค แล้วก็เหลือบไปเห็นหัวรถจักรสีฟ้าคันหนึ่งของสาธารณรัฐสังคมนิยมที่กลายกลับมาเปนทุนนิยมเฉลิมชื่อนามาว่า “รัสปูติน” 55 จึงสมควรได้ระลึกถึงบุรุษลึกลับรัสเซียผู้นี้

 

หัวรถจักร Rasputin ที่สถานีรถไฟเบอร์โน สธร.เช็ก

 

ก่อนวงศ์โรมานอฟล่มสลาย พระเจ้าซาร์ผู้ครั้งหนึ่งเปนมกุฎราชกุมารเสด็จออกเยี่ยมผืนพิภพโลกาเพื่อเห็นปฐพีไกลโพ้น เห็นชีวิตขนบธรรมเนียมที่แตกต่างหลากหลายให้ได้เปนรากฐานแก่การปกครองอาณาจักรไพศาลไปเมื่อหน้า

 

วิชาอันนี้เขาเรียกกันว่า วิชาเจ้าชาย_เรียนไว้แต่ยังเปนเจ้าชาย ให้พร้อมเปนกษัตริย์

 

แต่ก่อนชะร่อนไรวิชาแกรนด์ทัวร์เปิดหูเปิดตานี้จำเปน มิฉะนั้นแล้วราชบัลลังก์จะมิอยู่คงทนได้ ด้วยขาดวิสัยทัศน์อันมาจากการเดินทางไกล ดังภาษิตโบราณว่า สายตาที่ฉลาดมาแต่ดวงตาที่ผ่านการเดินทางไกล

 

พระรูปซาเรวิช ประทับยืนข้างพระเจ้าจอร์จที่ 5 ลูกพี่ลูกน้องของพระองค์

 

ซาเรวิช มกุฏราชกุมารพระองค์นั้น เสด็จมาจะถึงเมืองไทยสยามชาติอยู่แล้ว จอดเรือทอดสมออยู่ในเขตทะเลพระสมุทร พวกไม่อยากให้ไทยได้ดีก็ปล่อยข่าวลวงเฟคนิวส์ ว่าสยามเกิดโรคระบาด เพื่อทรงหยุดยั้งพระบาทขึ้นจากเรือมิให้ได้เหยียบเมืองทำไมตรีเสีย

 

ข้างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชวิริยะอุตสาหะ แก้กลการเมืองระหว่างประเทศนี้โดยแยบคาย ส่งเจ้านายชั้นสูงซึ่งทรงอิสริยศักดิ์ เสมอด้วยมกุฏราชกุมารเข้ารับเสด็จถึงเรือรบพระที่นั่ง

 

เรื่องจบลงตรงที่การรับเสด็จมกุฏราชกุมารรัสเซียนั้นยิ่งใหญ่กว่าพระเกียรติยศ คือยกระดับขึ้นเท่ากับการรับกษัตริย์เลยทีเดียว เปนคำกล่าวกันถึงลือว่า เอิกเกริกราวกับรับซาเรวิช หาแผ่นดินใดๆจะรับรองอาคันตุกะได้อลังการแสนประทับใจเสมอเหมือนในรัชกาลนี้

 

ครั้นต่อมาสมเด็จพระมกุฏราชกุมาร พระบารมีถึงที่พระจักรพรรดิราช เสด็จขึ้นเสวยราชย์เปนพระเจ้าซาร์แห่งจักรวรรดิรัสเซีย สายสัมพันธ์แต่ครั้งเสด็จพระที่นั่งบางปะอินยามเยาว์ประพาสก็ได้ช่วยให้สยามรอดพ้นปากเหยี่ยวปากกามาได้ ด้วยในคราวถูกตีกระนาบจากนักล่าอาณานิคมทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสครานั้น พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เสด็จพระราชดำเนินตรากตรำเข้าทวีปยุโรปไปพบพระสหายเก่าถึงเขตพระนครรัสเซีย พระเจ้าซาร์เสด็จออกรับด้วยความเอิกเกริกเกริกไกร สนองพระราชไมตรีที่มีแลได้รับมาแต่หนหลัง

 

ทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์คู่ ลงข่าวหนังสือพิมพ์ทั่วยุโรป และพระราชทานพระราชดำรัสถวายอารักขาแต่สมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยาม เพียงเท่านี้ ดุลอำนาจในเอเชียอาคเนย์ระหว่างอังกฤษฝรั่งเศสก็เสียศูนย์ ได้แต่จดจ้องเงื้อง่ามิกล้าเข้าบุกทะลวงเอา

 

มิตรภาพของบรมกษัตราธิราชเจ้าสองวงศ์ก็สืบสายสัมพันธ์ไมตรีแน่นแฟ้นเรื่อยมา

สมเด็จพระเจ้าซาร์พระองค์นี้มีพระราชปรารถนาแรงกล้า จักได้พระราชโอรสแทนพระราชธิดาเพื่อสืบสายราชสันตติวงศ์ ครานั้นได้ทรงกระทำการราชพิธีต่อสิ่งศักดิ์สิทธิในแผ่นดินของพระองค์ท่านและแล้วก็ได้พระราชกุมารผ่านพิภพถือกำเนิดขึ้นมาพระองค์หนึ่งสมพระทัย พระราชทานนามว่า รัชทายาทอเล็กซิส คล้องกับพระนามพระราชธิดาองค์โตคือ อนาสตาเชีย

 

จักรกลสวาท รัสปูติน (ตอน 1)

 

ข่าวการมาสู่แผ่นดินของพระราชกุมารอเล็กซิส นำความยินดีมาสู่พระราชสำนักสยามยามนั้นเช่นกัน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้กรมโหรหลวงทำพื้นดวงพระชาตาสมเด็จรัชทายาทอเล็กซิสขึ้นเพื่อพระราชทานถวายพระพรแบบไทยๆประกอบพื้นดวงผูกไปยังราชสำนักโรมานอฟ

 

หลวงโลกทีป เจ้ากรมโหร รับพระราชกระแสเหนือเกล้าจากกรมขุนสมมติอมรพันธ์ฯอัญเชิญมา แล้ว ทำคำทำนายถวายขึ้นทอดพระเนตร เนื้อความไม่ใคร่เปนมงคล จึงทรงพระกรุณายั้งรออยู่ไม่ส่งคำทำนายต่อไปยังราชสำนักรัสเซีย เนื้อความนั้นเกี่ยวข้องแก่ด้วยเรื่องวิบัติ เรื่องเลือด ภพกำเนิดฝ่ายเลือด เลือดของเจ้าชายน้อยรัชทายาท ซึ่งก็ให้ไปตรงกับว่า ต่อมาเจ้าชายน้อยประชวรด้วยพระโรคสำคัญฮีโมฟีเลีย ยามตกพระโลหิตเเล้วเลือดจะไหลไม่หยุด เมื่อจำเริญพระชันษามากขึ้นโรคนี้ไม่ทุเลาแต่อย่างใด ทำให้ทรงอ่อนแอพระกำลังหวิดจะสิ้นพระชนม์หลายคราว เอกสารผูกดวงพระชาตาเจ้าชายและคำพยากรณ์ถวายปัจจุบันนี้ยังถูกเก็บรักษาไว้ในระบบไมโครฟิล์ม ที่หอสมุดแห่งชาติท่าวาสุกรี

พระจักรพรรดินีรัสเซียราชมารดาทรงเปนทุกข์มาก เปิดโอกาสให้ผู้ใดในแผ่นดินที่สามารถเข้าถวายการรักษาพระราชกุมารก็จักได้ตกรางวัลอย่างงาม

 

ก็ให้ปรากฏตัวนักพรตลึกลับอย่างภาษาไทยว่าคนดีมีวิชาผู้หนึ่ง เข้าถึงพระราชสำนักได้และถวายการรักษา ซึ่งปรากฏว่าได้ผลดี

 

กริกอริ เยฟิโมวิช โนวิเวียฟ ผู้ต่อมาได้รับสมญาว่า รัสปูติน

 

บุรุษลึกลับนี้นามว่า กริกอริ เยฟิโมวิช โนวิเวียฟ

ต่อตอน 2

 

นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 หน้า 23 ฉบับที่ 3,629 วันที่ 22 - 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563