กระทรวงการคลังและกรุงเทพมหานครร่วมหารือกรณีการขยายสัมปทานรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสีเขียวทั้งระบบ กับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC รับสัมปทานเดินรถ 3 ช่วง จำนวน 59 สถานี 66 กิโลเมตรแลกกับภาระหนี้ 1แสนล้านบาท เกิดจากงานโยธา 6หมื่นล้านบาท ค่าจ้างเงินรถ 8,000ล้านบาท ค่าติดตั้งระบบ 20,000ล้านบาท
อย่างไรก็ตามแผนขยายสัมปทานรถไฟฟ้า BTS ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ คณะรัฐมนตรี(ครม.) รับทราบในหลักการ เมื่อ วันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ที่ผ่านมา แต่กระทรวงมหาดไทยต้องตอบข้อซักถามให้ชัดเจนตามที่กระทรวงคมนาคมกังขา และมองว่าเริ่มเห็นสัญญาณบวก
หาก ครม.เห็นชอบขยายสัมปทานให้กับ BTSC เพิ่มอีก 30 ปี อายุสัมปทานยาวถึงปี 2602 จากเดิมที่จะหมดอายุปี 2572 แต่เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงระบบขนส่งทางรางได้มากขึ้นลดภาระการนำรถยนต์ออกสู่ท้องถนน ต้องลดอัตราค่าโดยสารลงจากเดิมที่กทม.คำนวนทั้งระบบเพดานไม่เกิน 158 บาทตลอดสาย เหลือเพียงไม่เกิน 65 บาทลดลง 58% อีกทั้งไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้า 15บาท และยังเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้าอื่นได้
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ยืนยันว่า การอนุมัติขยายสัมปทานสายสีเขียวขึ้นอยู่กับกทม. ส่วนอัตราค่าโดยสารที่จะปรับลดเหลือเพดาน 65 บาท มองว่าผู้โดยสารทุกรายไม่ได้นั่งรถไฟฟ้าตลอดทั้งสาย ดังนั้นต้องนำค่าโดยสารมาปรับลดราคาใหม่ทั้งระบบเช่นกัน
แหล่งข่าวจากกทม. กล่าวว่า ยอมรับว่าไม่มีเงินจ่ายค่าเดินรถ ให้กับบีทีเอสและ มองว่าการขยายสัมปทานแลกกับเอกชนรับภาระหนี้เป็นทางออกที่ดีที่สุด