ลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ เฮ! ครม.เพิ่มสิทธิประโยชน์

17 พ.ย. 2563 | 08:52 น.

ลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ เฮ! ครม.ไฟเขียวเพิ่มสิทธิประโยชน์ ปรับอัตราเงินช่วยเหลือบุตรเป็น 200  บาท/เดือน เพิ่มสิทธิการเบิกค่าช่วยเหลือการศึกษาบุตรให้รวมถึง ป.ตรี

17 พฤศจิกายน 2563 นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์เกี่ยวกับมาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ โดยยกเลิกร่างประกาศเดิม 1 ฉบับ พร้อมใช้หลักเกณฑ์ใหม่ 2 ฉบับ รวมเป็น 3 ฉบับ ได้แก่

 

1.ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์เรื่อง ยกเลิกประกาศคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายค่ารักษาพยาบาล กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ค่าทำศพกรณีตาย อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน ค่าช่วยเหลือบุตร และค่าช่วยเหลือการศึกษาของบุตร

 

2.ร่างประกาศฯ เรื่องหลักเกณฑ์การจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ค่าทำศพกรณีตาย อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน และ 3.ร่างประกาศฯเรื่องหลักเกณฑ์การจ่ายค่าช่วยเหลือบุตรและค่าช่วยเหลือการศึกษาของบุตร

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ครม.เห็นชอบแก้ก.ม.อาญาให้หญิงอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ทำแท้งได้

เลื่อนยาว!! รฟม.เบรกเปิดซองประมูล "สายสีส้ม" 

"ธนาคารออมสิน"ออกรีไฟแนนซ์ สินเชื่อเคหะดอกเบี้ยคงที่ 3 ปี 

ตร.แจงฉีดน้ำผสมแก๊สน้ำตาใส่ม็อบคณะราษฎร ยันไม่ใช่สลายชุมนุม

 

สำหรับร่างประกาศทั้ง 3 ฉบับจะส่งผลให้พนักงานรัฐวิสาหกิจรวม 306,887 คน ได้รับการคุ้มครองในเรื่องของการดำเนินการกรณีผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติเพื่อรองรับการจ่ายเงินคืนแก่สถานพยาบาลได้โดยเร็ว โดยระหว่างปี 2559-2563 มีพนักงานรัฐวิสาหกิจใช้สิทธิเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตรวม 1,119 คน คิดเป็นเงินค่ารักษาพยาบาลที่ค้างจ่ายต่อสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)และโรงพยาบาลเอกชนจำนวน 32,966,400 บาท

 

ขณะเดียวกันลูกจ้างยังได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นจากเดิม เช่น เพิ่มสิทธิในการได้รับค่าใช้จ่ายเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค และค่าใช้จ่ายเพื่อการตวจสุขภาพ และปรับอัตราสิทธิในการได้รับค่ารักษาพยาบาลในสถานพยาบาลของเอกชนประเภทผู้ป่วยในให้สูงขึ้น รวมทั้งกำหนดให้ลูกจ้างสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลโดยใช้ระบบการเบิกจ่ายตรงได้ด้วย และได้ปรับอัตราจ่ายค่าทำศพจากประกาศเดิมให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ด้านเศรษฐกิจในปัจจุบัน

นอกจากนี้ยังได้ปรับอัตราเงินช่วยเหลือบุตรจากเดือนละ 50 บาท เป็นเดือนละ 200  บาท และเพิ่มสิทธิการเบิกค่าช่วยเหลือการศึกษาของบุตรให้รวมถึงการศึกษาในระดับปริญญาตรีด้วย