ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา เตรียมออกคำสั่งอย่างเป็นทางการอย่างเร็วที่สุดภายในสัปดาห์นี้ ให้สหรัฐ ถอนทหารออกจากอัฟกานิสถานและอิรัก
สื่อสหรัฐอ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ระบุว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐได้ออกคำสั่งให้บรรดาผู้บัญชาการเริ่มวางแผนลดจำนวนทหารลงเหลือ 2,500 นายทั้งในอัฟกานิสถานและอิรักภายในกลางเดือนม.ค.ปีหน้า (2564)
ทั้งนี้ จำนวนทหารที่ลดลงสู่ระดับ 2,500 นาย สอดคล้องกับที่นายโรเบิร์ต โอไบรอัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของปธน.ทรัมป์เปิดเผยเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมาว่า กองกำลังทหารของสหรัฐในอัฟกานิสถานจะลดลงเหลือประมาณ 2,500 นายภายในต้นปี 2564 โดยในปัจจุบัน สหรัฐมีกองกำลังอยู่ประมาณ 4,500 นายในอัฟกานิสถาน และ 3,000 นายในอิรัก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รายงานความเคลื่อนไหวของกระทรวงกลาโหมสหรัฐเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีขึ้นหลังจากที่ปธน.ทรัมป์ได้สั่งปลดนายมาร์ก เอสเปอร์ รัฐมนตรีกลาโหมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมประกาศแต่งตั้งนายคริสโตเฟอร์ มิลเลอร์ ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติให้ปฏิบัติหน้าที่รักษาการรมว.กลาโหมแทนนายเอสเปอร์
ก่อนหน้านี้ สหรัฐได้ลงนามข้อตกลงสันติภาพกับกลุ่มตาลีบันในอัฟกานิสถานเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีการหยุดยิง และสหรัฐตกลงจะถอนทหารทั้งหมดออกจากอัฟกานิสถานให้เสร็จสิ้นภายในเดือนพ.ค. 2564 หากกลุ่มตาลีบันปฏิบัติตามเงื่อนไขของข้อตกลง รวมถึงการตัดความสัมพันธ์กับกลุ่มก่อการร้ายต่าง ๆ
สถิติของกระทรวงกลาโหมสหรัฐยังระบุว่า การทำสงครามในอัฟกานิสถาน อิรัก และซีเรีย ทำให้เกิดภาระต่อชาวอเมริกันที่เป็นผู้เสียภาษีคิดเป็นมูลค่ากว่า 1.57 ล้านล้านดอลลาร์ หรือกว่า 48.6 ล้านล้านบาท นับตั้งแต่วันที่ 11 ก.ย. 2544 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ก่อการร้ายอัลกออิดะห์จี้เครื่องบินพาณิชย์ไปโจมตีตึกแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์และสหรัฐก็ได้ประกาศทำสงครามกับกลุ่มก่อการร้ายตั้งแต่นั้นมา
เฉพาะสงครามในอัฟกานิสถานที่เริ่มขึ้นและยืดเยื้อมายาวนาน 19 ปีแล้ว ทำให้สหรัฐละลายงบประมาณไปแล้วถึง 193,000 ล้านดอลลาร์
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เองซึ่งรณรงค์หาเสียงในช่วงการเลือกตั้งปี 2559 ว่า เขาจะยุติการทำสงครามที่ไร้จุดจบในตะวันออกกลาง ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมาว่า กองทัพอเมริกันที่ประจำการอยู่ในอัฟกานิสถานจะได้กลับบ้านในช่วงคริสต์มาสนี้