“เอกชน” กังวล "โควิด" ระบาดรอบ 2 แม้ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯขยับขึ้น 6 เดือนติด

17 พ.ย. 2563 | 04:05 น.

“เอกชน” กังวล "โควิด" ระบาดรอบ 2 แม้ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯขยับขึ้น 6 เดือนติด ชงรัฐเร่งจ่ายเงินจัดซื้อจัดจ้างภายใน 30 วัน เสริมสภาพคล่อง SMEs

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนตุลาคม 63 ว่า อยู่ที่ระดับ 86.0 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 85.2 ในเดือนกันยายน 2563 โดยค่าดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอุปสงค์ในประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าคงทน ส่งผลให้ภาคการผลิตมีการฟื้นตัวตามอุปสงค์ในประเทศ

ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐผ่านการท่องเที่ยวและการบริโภคสนับสนุนให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อยอดขายสินค้าและรายได้ของผู้ประกอบการ นอกจากนี้ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐอย่างต่อเนื่องส่งผลดีต่อความต้องการใช้สินค้าวัสดุก่อสร้าง
              อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกที่มีความรุนแรงขึ้น หลายประเทศในยุโรปประกาศล็อกดาวน์รอบ 2 ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัว คำสั่งซื้อจากต่างประเทศ มีแนวโน้มลดลง รวมทั้งการปิดด่านการค้าชายแดนที่ติดกับประเทศเมียนมาร์ ทำให้การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศมีความล่าช้า

ส่วนผู้ประกอบการ “เอสเอ็มอี” (SMEs) บางรายยังประสบปัญหาขาดสภาพคล่องเนื่องจากยอดขายสินค้าลดลงในช่วงการระบาดของโควิด-19 และยอดขายยังไม่กลับมาเท่ากับช่วงก่อนการระบาด นอกจากนี้ สถานการณ์ชุมนุมทางการเมืองยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นด้านการลงทุน

“เอกชน” กังวล "โควิด" ระบาดรอบ 2 แม้ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯขยับขึ้น 6 เดือนติด

นายสุพันธุ์ กล่าวต่อไปอีกว่า จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,333 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมทั่วประเทศในเดือนตุลาคม 2563 พบว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ สภาวะเศรษฐกิจโลก 66.9%, สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ 57.1%, อัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ 44.2% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 38.4% ส่วนปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความกังวลลดลง ได้แก่ ราคาน้ำมัน 37.7%

สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 91.9 จากระดับ 93.3 ในเดือนกันยายน 2563 จากปัจจัยสภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนสูงเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่องเป็นปัจจัยกดดันต่อการฟื้นตัวของภาคการส่งออกของไทย

อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลต่อรายได้ของผู้ประกอบการส่งออกลดลง ตลอดจนความกังวลเกี่ยวกับภาระดอกเบี้ยเงินกู้ที่เพิ่มขึ้น ภายหลังการสิ้นสุดมาตรการพักชำระหนี้ ซึ่งอาจทำให้กิจการประสบปัญหาขาดสภาพคล่องโดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs

“สิ่งที่ต้องการนำเสนอต่อภาครัฐนั้น ประกอบด้วย ขอให้ภาครัฐรักษามาตรฐานการควบคุมโรคโควิด-19 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน รวมถึงขอให้ภาครัฐเร่งรัดการจ่ายเงินการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐทุกโครงการภายใน 30 วัน หลังจากการตรวจรับเรียบร้อยเพื่อช่วยในการเสริมสภาพคล่องทางการเงินภาคเอกชน  และเร่งผลักดันโครงการลงทุนและโครงการก่อสร้างของภาครัฐทุกโครงการที่ได้วางแผนไว้เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ”