เริ่มเปิดประเทศ..ยอดผู้ติดเชื้อโควิด ต.ค.สูงกว่า ส.ค. 2.1 เท่า

15 พ.ย. 2563 | 08:53 น.

"หมอธีระ" เผย หากยังไม่สามารถชะลอการระบาด คาดสิ้นปียอดผู้ติดเชื้อโควิดทั่วโลกทะลุ 80 ล้านคน พร้อมเตือนไทยหลังแง้มประตูเปิดประเทศ ยอดขยับเดือน ต.ค.สถิติสูงกว่าส.ค. 2.1 เท่า

วันที่ 15 พฤศจิกายน 2563  รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat " เกี่ยวกับสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด -19 ทั่วโลกรวมไปถึงประเทศไทย โดยมีเนื้อหาดังต่อไปนี้ 


จากธันวาคม 2562...เริ่มการระบาด


27 มิถุนายน 2563...10,000,000 คน


9 สิงหาคม 2563...20,000,000 คน


16 กันยายน 2563...30,000,000 คน


17 ตุลาคม 2563...40,000,000 คน


7 พฤศจิกายน 2563...50,000.000 คน


ผมคาดว่าประมาณ 25 พฤศจิกายน 2563...จะแตะ 60,000,000 คน  และจะขยับจาก 60 ล้าน ไป 70 ล้าน อาจใช้เวลาราว 14-18 วัน
และจาก 70 ล้าน ไป 80 ล้าน อาจใช้เวลาราว 12-18 วัน  รวมแล้วจะเพิ่มอีก 20 ล้าน รวมเป็น 80 ล้านคน ภายในเวลา 26-36 วันถัดจากวันที่ครบ 60 ล้าน หากทั่วโลกยังไม่สามารถชะลอการระบาดได้


แต่เราทุกคนคงหวังใจไว้ว่า มาตรการเข้มข้นในรูปแบบต่างๆ ที่หลายประเทศในยุโรปกำลังดำเนินการอยู่ จะเห็นผลในอีก 2-3 สัปดาห์ถัดจากนี้
หรูๆ หากกดให้ต่ำกว่า 75 ล้านได้ก่อนขึ้นปีใหม่ ก็น่าจะเป็นเรื่องที่น่าดีใจ
 

ทั้งนี้ ศูนย์กลางการระบาดของโรค COVID-19 ไปมาแทบทุกทวีป ที่ลุ้นอยู่ตอนนี้คือในเอเชีย นอกจากอินเดียแล้ว จะมีที่ใดที่จะ"หนัก"ในระยะหลังปีใหม่นี้


จากรอยเท้าของประเทศต่างๆ ทั่วโลก นักแกะรอยคงต้องบอกได้โดยไม่ลังเลว่า ประเทศที่จะหนักคือ ประเทศที่"เปิดเสรีการเดินทางท่องเที่ยว"ครับ


ระบบ trace ad track หรือ contact tracing ที่แปลภาษาชาวบ้านว่า ระบบติดตามคนที่สงสัยว่าจะติดเชื้อนั้น เอาเข้าจริง หลายต่อหลายประเทศประสบความล้มเหลวในการดำเนินการ ทั้งที่ตรวจพบว่าติดเชื้อแต่ติดตามคนติดเชื้อไม่ได้ และที่ไม่สามารถติดต่อตามหาคนที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเตรียมทรัพยากรไว้เพียงใด แต่ในทางปฏิบัติก็จะมีหลุดได้


เหตุผลหลักคือ 


หนึ่ง "พฤติกรรมของคน" ที่มีคนทำตามกฎ ก็ย่อมมีคนไม่ปฏิบัติ หลบหลีก 


สอง "ภาระงานที่หนักเกินกว่าระบบจะรับไหว" จำนวนคนที่เดินทางระหว่างกันและจำเป็นต้องได้รับการติดตามกำกับ มากเกินกว่าที่เจ้าหน้าที่จะปฏิบัติตามขั้นตอนมาตรฐานได้ครบถ้วนและสม่ำเสมอ


สาม "แอพหรือเครื่องมือที่ใช้' ไม่สามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ   

พอระบบล้มเหลว ทำได้ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะจากข้อใดข้อหนึ่งหรือหลายข้อพร้อมๆ กัน ความหายนะก็มาเยือน การระบาดซ้ำจึงขยายตัวอย่างรวดเร็ว จากประเทศหนึ่งไปสู่ประเทศอื่นๆ จนทั่วทั้งทวีปดังที่เราเห็น


สำหรับเมืองไทยนั้น หากวิเคราะห์ตามข้อมูลที่เห็นกันอยู่ ก็จะพบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละเดือนที่ผ่านมา เพราะเริ่มแง้มประตูประเทศ จนล่าสุดตุลาคมสูงกว่าสิงหาคม ถึง 2.1 เท่า


นอกจากนี้ ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ก็พบว่าการมีรายงานเคสติดเชื้อภายในประเทศ ควบคู่ไปกับเคสที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ย่อมเป็นสัญญาณที่เตือนให้เราทราบว่า การระบาดซ้ำมีโอกาสสูง 


แต่หากลดวันกักตัว และเริ่มเห็นเสียงกิเลสพร่ำหา จะเปิดประเทศเร็วๆ นี้ ก็คงไม่สามารถคาดการณ์เป็นอื่นได้ว่า ไทยมีสิทธิจะเป็น"แดนดงโรค หรือรับโควิดมาเป็นโรคประจำถิ่น" ตามที่บางก๊กบางกลุ่มโยนหินถามทางมาล่วงหน้า พร้อมบรรจุคติสอนใจทุกคนให้รับรู้ว่า "การติดเชื้อเป็นเรื่องปกติ"


 

ขงเบ้งเคยให้ห่อผ้าบรรจุยุทธวิธี ให้แก่จูล่ง เพื่อแกะออกดูในยามคับขัน... แต่หากท่านนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานความมั่นคง ปล่อยให้วงนโยบายสุขภาพท่องเที่ยวเดินทางมุ่งสู่ยุคหาเงินแลกความเสี่ยงดังที่กล่าวมา ผมคงต้องเรียนท่านตรงๆ ว่า ต้องให้ฝ่ายเสธ.เขียนยุทธวิธีใส่ห่อผ้าไว้ล่วงหน้าได้เลยครับ  เพราะจะได้มีโอกาสแกะห่อผ้าแน่นอน...ผมเชื่อเช่นนั้น


สามเดือนแรกของการระบาดในประเทศไทย เราทุกคนประจักษ์ชัดว่า มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เพราะเหตุใด   เรารอดมาได้เพราะประชาชนทุกคน
แต่ตอนนี้เราจะมีโอกาสเห็นวงจรเดิมกลับมาอีกครั้ง 


ผมขอตะโกนบอกบางก๊กบางกลุ่มนั้นว่า #โควิดไม่ใช่โรคประจำถิ่น #การติดเชื้อไม่ใช่เรื่องปกติ #ยึดติด0ไม่ได้แต่เลี่ยงการนำความเสี่ยงสู่ประเทศได้ #ไม่ใช่เน้นโกยเงินแลกเชื้อ   สำหรับประชาชน...เรียนเตือนอีกครั้ง ให้ป้องกันตัวเสมอตั้งแต่วันนี้