ตามติดการพัฒนาวัคซีนโควิด “โมเดอร์นา”ลุ้นผลใน 7 วัน

13 พ.ย. 2563 | 22:41 น.

“โมเดอร์นา” ใกล้ได้ผลวิเคราะห์การทดลองวัคซีนต้านโควิด-19 ขั้นสุดท้าย ซึ่งคาดว่าจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อไวรัสดังกล่าวระหว่าง 89-96%  “แอนโทนี ฟอซี” แพทย์ใหญ่ทำเนียบขาวเผย อาจได้ผลการวิเคราะห์ข้อมูลการทดลองภายในอีกไม่กี่วันนี้

 

โมเดอร์นา (Moderna) บริษัทเภสัชกรรมสัญชาติอเมริกันประกาศเมื่อเร็วๆนี้ ถึงความคืบหน้าในการพัฒนาและทดสอบ วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในกลุ่มอาสาสมัครจำนวน 30,000 คนว่า บริษัทมีข้อมูลจากการทดลองขั้นสุดท้ายเพียงพอในการนำไปวิเคราะห์ขั้นแรกเพื่อประเมินประสิทธิภาพของวัคซีนที่พัฒนาขึ้น โดยในขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเตรียมข้อมูลดังกล่าวเพื่อส่งให้คณะกรรมการอิสระด้านการตรวจสอบข้อมูลความปลอดภัยทำการประเมินผลต่อไป

ตามติดการพัฒนาวัคซีนโควิด “โมเดอร์นา”ลุ้นผลใน 7 วัน

คณะกรรมการอิสระด้านการตรวจสอบข้อมูลความปลอดภัยของโครงการวิจัย จะเป็นผู้วิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวและจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับผลที่ออกมา ผู้บริหารของโมเดอร์นายังไม่ได้ประกาศว่าจะเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนเมื่อใด แต่คาดหมายว่าจะเป็นภายในเดือนนี้

 

ด้านนายแพทย์แอนโทนี ฟอซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐ และเป็นนายแพทย์ใหญ่ในคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาวเปิดเผยว่า โมเดอร์นาอาจได้ผลการวิเคราะห์ข้อมูลการทดลองภายในอีกไม่กี่วันนี้ หรือถ้าเกินกว่าหนึ่งสัปดาห์ก็จะเกินไปไม่กี่วันนัก

นายแพทย์แอนโทนี ฟอซี

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

ในส่วนของประสิทธิภาพของนายแพทย์ฟอซีคาดการณ์ว่า ผลการประเมินประสิทธิภาพวัคซีนของโมเดอร์นา น่าจะปรากฏให้เห็นประสิทธิภาพในระดับสูงใกล้เคียงกับวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์. (Pfizer Inc.)ที่เพิ่งประกาศไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากวัคซีนของทั้งสองบริษัทคล้ายคลึงกันมาก เขาเชื่อว่า วัคซีนของโมเดอร์นา น่าจะมีประสิทธิภาพอยู่ที่ระดับประมาณ 89-96%

ต้นสัปดาห์นี้ บริษัทไฟเซอร์ อิงค์ บริษัทยารายใหญ่สุดของสหรัฐ และบริษัท ไบโอเอ็นเทค ( BioNTech) บริษัทยาของเยอรมนี ซึ่งเป็นพันธมิตรร่วมพัฒนาวัคซีน ได้แถลงความคืบหน้าครั้งใหญ่ในการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 โดยผลการทดลองบ่งชี้ว่า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ที่ทั้งสองบริษัทพัฒนาร่วมกัน มีประสิทธิภาพมากกว่า 90% ในการป้องกันไวรัสสำหรับผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน และบริษัทจะจดทะเบียนวัคซีนต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ในสัปดาห์หน้า และคาดว่าจะมีการผลิตวัคซีนดังกล่าว 50 ล้านโดสภายในปีนี้ และ 1,300 ล้านโดสในปีหน้า