ความคืบหน้าโครงการประกันรายได้ยางพาราปี2 ภายใต้การบริหาร การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่จะจำแนกชาวสวนยาง และผู้รับจ้างกรีดยาง ตามชนิดยางแต่ละชนิดที่รัฐบาลประกันรายได้มี 3 ชนิด 1. ยางแผ่นดิบคุณภาพดี อยู่ที่ 60.บาท/กิโลกรัม ผลผลิตยางแห้ง 20 กก./ไร่/เดือน 2 น้ำยางสด (DRC 100%) 57 บาท/กิโลกรัม น้ำยางสด 20 กก/ไร่/เดือน และ 3.ยางก้อนถ้วย (DRC 50%) 23 บาท/กิโลกรัม คิดคำนวณปริมาณยางก้อนถ้วย 40 กก./ไร่/เดือน รายละไม่เกิน 25 ไร่ โดยแบ่งสัดส่วนรายได้แก่ เจ้าของสวน 60% และคนกรีด 40% ในกรณีเจ้าของสวนกรีดเอง ได้100%
นายสุนทร รักษ์รงค์ กรรมการการยางแห่งประเทศไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงความคืบหน้าการเคาะชดเชยส่วนต่างราคายางพารา ทั้ง 3 ชนิด ผมในฐานะ 1 ใน คณะทำงานกำหนดราคากลางอ้างอิง มีความคิดเห็นว่า จะต้องใช้ราคาเดือนตุลาคม ก็คือ 1-31 ตุลาคม 2563 มาคำนวณใช้ฐานเฉลี่ยชดเชยส่วนต่าง ซึ่งจะเห็นราคาเพิ่งมาปรับขึ้นสูงในช่วงท้ายเดือน ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1-27 ต.ค. ราคาไม่ได้ปรับสูง เพราะฉะนั้นยังมีส่วนต่างที่จะชดเชยให้พี่น้องเกษตรกร แต่ถ้าย้อนกลับไปไกล ก็ไม่ยุติธรรมกับรัฐบาล ซึ่งโครงการนี้เริ่มตุลาคม ก็ควรใช้ค่าเฉลี่ยชดเชยรายได้ เดือนตุลาคม แต่ ครม. เข้าวันที่ 3 พ.ย.63 จึงเห็นว่าควรนำค่าเฉลี่ยฐานเดือนตุลาคมมาเป็นฐานในการจ่ายค่าเฉลี่ยชดเชยประกันรายได้ยางพารา
ขณะที่นายสวัสดิ์ ลาดปาละ กรรมการคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) และรองประธานคณะกรรมการเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง กยท.ระดับประเทศ กล่าวว่า การคำนวณประกันรายได้ตามมติที่ กนย.และมติ ครม. เห็นชอบ ก็คือใช้วิธีคิดคำนวณราคาย้อนหลัง 3 เดือน ในแต่ละส่วนต่างเท่าไร แต่ละชนิด นำมาหักกับราคายางแต่ละชนิดที่รัฐบาลประกันรายได้ ซึ่งคณะทำงานฯ หากจะเปลี่ยนเกณฑ์การชดเชยราคายางใหม่ จะต้องเสนอย้อนเปลี่ยนหลักเกณฑ์ตั้งต้นใหม่ ตั้งแต่เข้า กนย.และ ครม. เป็นหลักเกณฑ์และวิธีการ แล้วถ้าผ่านมติ แล้ว คณะทำงานฯ จะไปอยู่เหนือ มติ ครม. ได้อย่างไร แต่สามารถทำได้ เห็นชอบปรับปรุงเกณฑ์ใหม่ แล้วก็เสนอเข้า กนย. และ ผ่าน ครม. เพื่อทราบไป เพราะคุณไปปรับเงื่อนไขการเคาะราคาประกันยาง 3 ชนิด