ผู้นำเอเชียทยอยต่อสาย แสดงความยินดีกับนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่

12 พ.ย. 2563 | 07:29 น.

ผู้นำญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ โทรทางไกลแสดงความยินดีกับนายโจ ไบเดนแล้ววันนี้ (12 พ.ย.) ขณะที่ผู้นำสูงสุดของจีน ข่าวระบุว่า จะรอจนกว่ามีการประกาศอย่างเป็นทางการเสียก่อน

 

นายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เป็นผู้นำชาติเอเชียลำดับแรก ๆ ที่ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับ นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ในวันนี้ (12 พ.ย.) โดยทั้งสองเห็นพ้องที่จะเสริมสร้างการเป็นพันธมิตรระหว่างญี่ปุ่น-สหรัฐ และให้คำมั่นว่าจะร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

นายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น

ในโอกาสนี้ นายซูงะกล่าวแสดงความยินดีที่ไบเดนคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และมุ่งหวังที่จะร่วมมือกันเพื่อรักษาสถานะการเปิดกว้างและเสรีของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก (Indo-Pacific) ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาคที่สหรัฐและญี่ปุ่นให้ความสำคัญ  

 

"การเป็นชาติพันธมิตรมีความสำคัญอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับสถานการณ์ด้านความมั่นคงรอบด้าน นอกจากนี้ การเป็นพันธมิตรยังมีความสำคัญต่อการสร้างสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองของประชาคมโลก"  ผู้นำญี่ปุ่นยังแสดงความกระตือรือร้นที่จะสร้างความสัมพันธ์กับนายไบเดนซึ่งกำลังจะก้าวขึ้นเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของสหรัฐ ในช่วงเวลาที่จีนพยายามแผ่อิทธิพลด้วยการรุกล้ำน่านน้ำทางทะเล และกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

 

ในระหว่างการพูดคุยครั้งนี้ ไบเดนยืนยันถึงความมุ่งมั่นของสหรัฐที่ต้องการปกป้องหมู่เกาะเซนกากุซึ่งอยู่ภายใต้การครอบครองของญี่ปุ่นแต่จีนและไต้หวัน ต่างก็อ้างกรรมสิทธิ์ในการครอบครองด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ นายซูงะยังขอให้นายไบเดนสนับสนุนความพยายามของญี่ปุ่นในการช่วยเหลือพลเมืองชาวญี่ปุ่นที่ถูกเกาหลีเหนือลักพาตัวไปในช่วงทศวรรษที่ 1970 และ 1980

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

อีกประเด็นสำคัญคือ นายกฯญี่ปุ่นและว่าที่ปธน.สหรัฐ ได้ตกลงที่จะทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาระดับโลก เช่น การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 1.2 ล้านคนทั่วโลก และปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

นายมูน แจ-อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ 

วันเดียวกันนี้ นายมูน แจ-อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้  เปิดเผยว่า เขาได้โทรศัพท์ถึงนายโจ ไบเดนแล้ว  เพื่อแสดงความยินดีที่นายไบเดนได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

ผู้นำเกาหลีใต้เปิดเผยถึงเนื้อหาการสนทนาว่า ทั้งสองฝ่ายต่างยืนยันที่จะสานต่อความร่วมมือในการเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐ พร้อมทั้งนำสันติภาพและความรุ่งโรจน์มาสู่คาบสมุทรเกาหลี" นายมูนทวีตข้อความ "ในอนาคต เราจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับนายไบเดนเพื่อแก้ไขปัญหาความท้าทายในระดับโลก รวมทั้งการควบคุมไวรัสโควิด-19 และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ"

 

 นายคัง มิน ซ็อก  โฆษกประธานาธิบดีเกาหลีใต้ระบุว่า นายไบเดนกล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของเขาจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับเกาหลีใต้เพื่อแก้ไขปัญหาอาวุธนิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือ

  

ทั้งนี้ ทั้งสองมีแผนที่จะพบปะหารือร่วมกันทันทีที่นายไบเดนเข้าปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 20 ม.ค. ปีหน้า

 

ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ระบุว่า สภาความมั่นคงแห่งชาติของเกาหลีใต้ได้จัดประชุมในวันนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และแนวทางการสร้างสันติภาพ และการปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างถาวรในคาบสมุทรเกาหลีซึ่งต้องพึ่งพาพันธมิตรด้านกลาโหมและสหรัฐอเมริกา

นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน

ในส่วนของ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน จนถึงขณะนี้ยังคงไม่มีสาส์นใด ๆ เกี่ยวกับผลการเลือกตั้งสหรัฐหลังจากที่นายไบเดนเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ แต่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนได้ออกมาแถลงแล้วว่า ทางการจีนได้รับทราบแล้วว่านายไบเดนได้ประกาศชัยชนะในการเลือกตั้ง แต่จีนจะยังคงเฝ้ารอการประกาศผลอย่างเป็นทางการตามกระบวนการทางกฎหมายของสหรัฐก่อน

 

ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ปธน.สี จิ้นผิง ได้ส่งข้อความแสดงความยินดีต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทันทีในวันที่ 9 พ.ย. 2559  หรือหนึ่งวันหลังการเลือกตั้งจบลง แต่ปรากฏว่า ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีน ถือว่าตกต่ำมากที่สุดในรอบหลายสิบปี จากกรณีสงครามการค้า การประท้วงในฮ่องกง และการระบาดของไวรัสโคโรน่า “โควิด-19”  รวมทั้งมาตรการลงโทษต่าง ๆ ที่รัฐบาลทรัมป์นำมาใช้กับกรุงปักกิ่ง

 

และแม้คาดกันว่านายไบเดนจะยังคงมีนโยบายที่แข็งกร้าวต่อจีน แต่ก็มีแนวโน้มจะใช้วิธีการที่ต่างออกไปจากปธน.ทรัมป์  คือน่าจะเน้นที่การกดดันผ่านประชาคมโลกและแนวทางแบบพหุภาคีมากกว่า

 

บรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ โกลบอลไทมส์ ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ทวีตข้อความว่า จีนไม่รีบแสดงความยินดีต่อชัยชนะไบเดนเหมือนกับประเทศตะวันตกอื่น ๆ เพราะต้องการรักษาระยะห่างกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เนื่องจากไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับเสียงวิจารณ์และข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นการแสดงความเคารพต่อสหรัฐ

 

ขณะที่บทบรรณาธิการของ ไชน่าเดลี ระบุว่า การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสหรับฯ กับจีน สามารถทำได้ผ่านการเจรจาทางการค้าเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความเข้าอกเข้าใจของทั้งสองฝ่ายให้กลับคืนมา

 

ด้านสื่อสังคมออนไลน์ เว่ยโป๋ ของจีน พบว่า แฮชแท็ก #BidenSpeaksToTheWholeCountry# และ #Trump will lose special Twitter protections in January# ได้กลายเป็นเทรนด์ยอดนิยมบนสื่อดังกล่าวในขณะนี้