STGT ไม่ปลื้มวัคซีน ปิดร่วง 21.71%

10 พ.ย. 2563 | 10:08 น.

ราคาหุ้น STGT ร่วงแรง 19.00 บาท หรือ 21.71% วอลุ่มแตะ 6.2 พันล้านบาท หลังมีกระแสข่าวคืบหน้าพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ด้านผู้บริหารมั่นใจดีมานต์ล้นตลาด พร้อมเดินหน้าผลิตเต็มกำลัง

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (STGT) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยางธรรมชาติและถุงมือยางไนไตรล์ ปรับลดลงหนักหลังจากมีข่าวความคืบหน้าพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด -19 โดยระหว่างวันลดลงต่ำสุด 20.75 บาท หรือ 25.77% อยู่ที่ 66.75 บาท และราคาปิดอยู่ที่ 68.50 บาท ลดลง19.00 บาท หรือ 21.71% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 6,287.08 ล้านบาท

นางสาวจริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ STGT กล่าวว่า แม้ล่าสุดมีความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด -19 แต่ถุงมือยางยังเป็นสินค้าที่มีความต้องการล้นหลาม ไม่เพียงพอกับความต้องการจากทั่วโลก หลังสถิติผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลกเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยเฉพาะในทวีปเอเชียและยุโรปยังพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทได้เดินหน้าผลิตสินค้าเต็มกำลังการผลิต เพราะมีออเดอร์ล่วงหน้าต่อเนื่องถึงปี 2566 และปัจจุบันยังไม่มีลูกค้าขอยกเลิกคำสั่งซื้อ ขณะที่ ราคาขายมีแนวโน้มขยับขึ้นได้อีกตามราคาวัตถุดิบและความต้องการในตลาดโลก ซึ่งมั่นใจว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะเติบโตได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชีย พลัส จำกัด ระบุว่า กระแสความคาดหวังการพัฒนาวัคซีนไวรัสโควิด-19 กลับมาสร้างสีสันแก่ตลาดการเงินโลกอีกครั้ง ภายหลังบริษัท Pfizer ผู้ผลิตยารายใหญ่สัญชาติสหรัฐ และบริษัท BioNTech ผู้ผลิตยารายใหญ่สัญชาติเยอรมนี ซึ่งร่วมกันพัฒนาวัคซีนไวรัสโควิด-19 แถลงรายงานผลการทดลองว่า วัคซีนที่กำลังพัฒนาอยู่ในเฟสที่ 3 มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด -19 ได้ถึง 90% 

อย่างไรก็ตาม Pfizer ระบุว่าจะเตรียมยื่นจดทะเบียนวัคซีนต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ในช่วงสัปดาห์หน้า และคาดว่าจะมีการผลิตวัคซีนจำนวน 50 ล้านโดส ภายในปี 2563 และ 1,300 ล้านโดสในปี 2564 โดยเบื้องต้น คาดว่าวัคซีนจะเริ่มใช้ในสหรัฐก่อน ส่วนการมีวัคซีนใช้วงกว้างทั่วโลก คาดว่าจะยังต้องรอไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นประมาณช่วงครึ่งปีหลังปี 2564