“นิกร”วอนผู้ชุมนุมร่วมคกก.สมานฉันท์หาทางออกให้ประเทศ

06 พ.ย. 2563 | 08:22 น.

“นิกร"วอนผู้ชุมนุมร่วมคกก.สมานฉันท์​ มองเป็นพื้นที่กลางเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ ชี้อย่ายึดติดเป็นของฝ่ายใด -อดีตล้วนล้มเหลว

 

วันนี้ (6 พ.ย.63) นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา  กล่าวถึงข้อเสนอแนวทางการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์​ ว่า ขณะนี้สังคมยังยึดติดอยู่กับความคาดหวังว่าคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นต้องแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมด และคณะกรรมการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต ล้วนแต่ล้มเหลว ซึ่งจริงๆ แล้วควรคิดว่าคณะกรรมการสมานฉันท์​ที่กำลังจะตั้งขึ้น เป็นการสร้างพื้นที่กลางที่ปลอดภัย เพื่อให้เกิดการพูดคุย โดยมีคนกลาง​เข้ามาร่วมด้วย ซึ่งทุกฝ่ายควรเข้ามาร่วม รวมถึงผู้ชุมนุมก็ควรละทิ้งความคิดว่าคณะกรรมการเป็นของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่อยากให้คิดว่าเป็นพื้นที่กลางเพื่อให้เข้ามาพูดคุยกัน เพราะถ้าไม่มีแล้วจะไป​พูดคุยกันตรงไหน แต่ถ้าผู้ชุมนุมไม่เข้ารวม ที่มีอยู่ก็สามารถคุยกันได้

 

 

"ก็หวังว่าคณะกรรมการชุดนี้จะไม่ใช่กันชนให้รัฐบาล และไม่อยากให้มองว่าคณะกรรมการนี้เป็นของฝ่าย ใด​ฝ่าย​หนึ่ง หรือของรั​ฐบาล เพราะคำสั่งแต่งตั้งก็ออกโดยประธานรัฐสภาจึงไม่อยากให้มีการล้ม อยากให้เป็นพื้นที่กลาง ที่ทุกคนพูดคุยกันได้แบบยิ้มๆ  แต่ถ้ามันจะล่มก็ให้มันล่มไป เพราะว่าได้ลองแล้ว ดีกว่ายังไม่ได้ลองอะไรเลย" นายนิกร ระบุ และว่า ที่ยึดติดว่าคณะกรรมการชุดเดิมๆก็เคยล้มเหลวในการดำเนินการ ก็ไม่ได้ล้มเหลวในทุกชุด ชุดของนายดิเรก ถึงฝั่ง ซึ่งเคยเชิญทุกฝ่ายมาพูดคุย ก็ทำให้แรงกดดันภายในประเทศขณะนั้นลดลง

 

นายนิกร ยังเห็นว่า คนกลางซึ่งเป็นที่ยอมรับของสังคมที่จะเข้ามาร่วม ปัจจุบันเป็นเพียงคนๆ เดียวไม่ได้ เพราะจะถูกมองว่าเป็นคนของฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ จึงต้องเป็นบุคคล 3-4 คน ที่มีประสบการณ์ เป็นผู้ใหญ่ที่หวังดีต่อบ้านเมืองพอสมควร

 

ส่วนที่สภากำลังจะมีการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 17-18 พ.ย.นั้น นายนิกร ประธานคณะอนุกรรมาธิการ(กมธ.) จัดทำรายงานในกมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมก่อนรับหลักการ กล่าวว่า ทางอนุกรรมาธิการ​ได้มีการศึกษาร่างทั้ง 6 ร่างไว้อย่างละเอียดเป็นเล่มเอกสารประมาณ 400 หน้า ซึ่งจะมีรายละเอียดความเห็นของบุคคลต่างๆ ทั้งนักวิชาการ นักกฎหมาย ในประเด็นข้อกังวลที่เราคิดว่า ถ้าแก้ไขแล้วจะขัดรัฐธรรมนูญ​หรือไม่ คิดว่าเป็นข้อมูลที่เพียงพอที่สมาชิกจะพิจารณาว่ารับหรือไม่รับ

 

ซึ่งเมื่อสมาชิกได้พิจารณาทั้ง 6 ร่างแล้ว จากนั้นจะพิจารณาร่างของไอลอว์แล้วจึงจะโหวตไปที่ละร่างจนครบ 7 ร่างในคราวเดียว จากนั้นก็จะมีการพิจารณา​ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ที่รัฐบาลเสนอร่างมาพิจารณาลำดับถัดไป 

 

“สะท้อนถึงเจตจำนงของรัฐบาลในการแก้กฎหมาย โดยรอประธานรัฐสภากำหนดวาระประชุมอีกครั้ง และหากมีการรับหลักการร่างแก้รัฐธรรมนูญจะมีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาในชั้นแปรญัตติจำนวน 45 คน ตามสัดส่วน ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้าน และ ส.ว.” นายนิกร ระบุ