เมื่อช่วงกลางดึก(4 พ.ย.63) ที่ผ่านมา บช.น. ได้ทดลองการตั้งจุดตรวจ วัดแอลกอฮอล์มาตรฐานใหม่ บริเวณหน้า สน.ทองหล่อ โดยยึดแนวทางเน้นความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ใช้เทคโนโลยี และมีมาตรฐานในการปฏิบัติ ก่อนจะนำไปเสนอ ผบ.ตร. อนุมัติคำสั่งเป็นต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เริ่มแล้ว ตำรวจตั้ง 21 ด่านตรวจทั่วกทม. 3 วัน
ผบ.ตร.ลงนามยกเลิกตั้งด่านตรวจทั่วประเทศ
โฆษกตำรวจแจ้ง ผบ.ตำรวจสั่งยกเลิกตั้งด่าน แค่ทบทวน
จีนยกระดับมาตรการป้องกันโควิด-19 ด่านตรวจคนเข้าเมือง สกัดผู้ติดเชื้อจากตปท
1. การตั้งจุดตรวจ ต้องได้รับการอนุมัติจากระดับผู้บังคับการขึ้นไป มีแผนการปฏิบัติที่ชัดเจน กำหนดล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน สถานที่ตั้งจุดตรวจต้องเป็นสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับเมาแล้วขับ
2. กำลังพล ขึ้นอยู่กับขนาดของแต่ละสถานีตำรวจ มีได้ตั้งแต่ 7-12 นาย แบ่งเป็นหัวหน้าชุด ชุดคัดเลือกรถ ชุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ ช่วยป้องกันการหลบหนี ชุดคุ้มกัน และชุดควบคุมผู้ต้องหา
3. ตำรวจติดกล้องบันทึก ขณะปฏิบัติหน้าที่ทุกนาย และติดตั้งกล้องวงจรปิด 4 จุด บริเวณพื้นที่สำคัญภายในจุดตรวจ เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐาน ยึดหลักความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ผู้บังคับบัญชาสามารถดูการปฏิบัติได้แบบเรียลไทม์
4. การเรียกตรวจ ตำรวจจะเรียกตรวจเฉพาะคันที่ดูน่าสงสัย หากผู้ขับขี่มีอาการมึนเมาหรือมีพฤติกรรมต้องสงสัยอื่น ตำรวจมีอำนาจในการค้นตัว ตรวจค้นยานพาหนะ และตรวจสอบประวัติอาชญากรรมผ่านระบบ CRIMES on Mobile
5. การตรวจวัดแอลกอฮอล์ เมื่อผู้ขับขี่มีอาการมึนเมาจนสังเกตได้อย่างชัดเจน ต้องไปตรวจวัดบริเวณโต๊ะ โดยเริ่มจากวัดไข้คัดกรองโรคโควิด-19 ก่อน จากนั้นในการใช้เครื่องตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์มาตรฐาน จะมีจุกยางสำหรับเป่าใหม่ทุกครั้ง สามารถพิมพ์ผลการตรวจวัดออกมาได้ทันที โดยจะมีการบันทึกเข้าระบบ หากผู้ใดมีปริมาณแอลกอฮอล์สูงเกินกว่ากฎหมายกำหนด ตำรวจต้องดำเนินคดีเท่านั้น ไม่สามารถละเว้นได้
6. รายงานผลการปฏิบัติ ต่อผู้บังคับบัญชาเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมทั้งจัดเก็บข้อมูลไฟล์ภาพเคลื่อนไหวการตั้งจุดตรวจ วัดแอลกอฮอล์ไว้เป็นเวลา 3 วัน เพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้
ทั้งนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ยืนยันว่า ประชาชนสามารถใช้กล้องมือถือหรือบันทึกภาพเคลื่อนไหวขณะตำรวจปฏิบัติหน้าที่ได้เช่นกัน ทั้งหมดเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ตัดช่องโหว่ในการทุจริต ซึ่งหลังจากนี้ตนและ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอกรอง ผบ.ตร. จะรายงานผลการทดลอง รวบรวมข้อเสนอแนะ และหากทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศมีความพร้อม ก็จะนำเสนอ ผบ.ตร. พิจารณาคำสั่งต่อไป
ขณะที่ นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ หนึ่งในผู้ร่วมสังเกตการณ์ กล่าวว่า เป็นการดีที่ทั้งตำรวจและประชาชนต่างฝ่ายต่างสามารถใช้กล้องบันทึกเหตุการณ์ขณะเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ สามารถลดข้อกังขาได้ในระดับหนึ่ง ขณะเดียวกันมูลนิธิอยากเสนอแนะให้มีคนกลางอยู่ร่วมด่านตรวจด้วย ซึ่งมูลนิธิมีเครือข่ายเหยื่อจากอุบัติเหตุเมาแล้วขับที่พร้อมมาร่วมประจำจุดตรวจ นอกจากนี้ยังอยากให้สรุปผลการปฏิบัติในทุกเดือน เพราะต้องการความต่อเนื่อง ไม่อยากให้แนวทางต่างๆทำได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว
หมายเหตุ: ที่มา JS100