ผอ.ซูเปอร์โพล ชำแหละขบวนการเบื้องหลังม็อบ

04 พ.ย. 2563 | 03:48 น.

ผอ.ซูเปอร์โพล เผยแพร่บทความ เปิดผลการวิเคราะห์ข้อมูล-เฝ้าติดตามการก่อตัวของขบวนการที่อยู่เบื้องหลังหนุนม็อบ 3 นิ้ว "ยุทธศาสตร์ที่ 2" ใช้ ภาษา-ภาพเป็นอาวุธทำลายล้าง

4 พฤศจิกายน 2563 ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการซูเปอร์โพล เผยแพร่บทความเรื่อง "ยุทธศาสตร์ที่ 2" โดยมีรายละเอียด ดังนี้ จากการวิเคราะห์ข้อมูลและเฝ้าติดตามการก่อตัวของขบวนการที่อยู่เบื้องหลังหนุนม็อบ 3 นิ้ว ด้วยเครื่องมือการประเมินขั้นสุทธิ (Net Assessment) พบว่า ขบวนการที่อยู่เบื้องหลังม็อบ 3 นิ้ว ได้แก่ นักการเมือง นักธุรกิจนายทุน นักวิชาการ นักเคลื่อนไหวองค์กรต่างชาติ กลุ่มโซเชียลมีเดียต่างชาติ กลุ่ม NGO และรัฐบาลต่างชาติที่ไม่ใช่มหามิตรประเทศไทย และแกนนำม็อบ ที่มีทัศนคติและการปฏิบัติการไปในทิศทางเดียวกัน คือ การโค่น (Overturn) หรือสั่นคลอนโครงสร้างอำนาจของประเทศไทยด้วยการปฏิรูปแบบปฏิวัติ  (Revolutionary Reform) ตามกระแสมาร์กซิสต์ที่โค่นอำนาจเชิงโครงสร้างด้วยชนชั้นกรรมกร

 

โดยขบวนการเบื้องหลังหนุนม็อบ 3 นิ้วเหล่านี้เห็นพ้องต้องกันให้ (Weaponization of Language) ตัดทอนพลังความจงรักภักดี สร้างความเกลียดชังรัฐบาล กองทัพ และเป้าหมายสูงสุดของพวกเขา คือ การทำลายล้างบุคคลสำคัญในสถาบัน

 

ทางออก คือ การรู้เท่าทันขบวนการและนำความจริงออกมาบอกคนทั้งประเทศ เพื่อให้ “คนไทย” ทุกคนเกิดภูมิคุ้มกันสำนึกรู้คุณแผ่นดินและปกป้องสถาบันหลักของชาติให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น และการสนับสนุนยุทธศาสตร์ที่ 2 ของประเทศมหาอำนาจที่เป็นมหามิตรของประเทศไทย

 

ขบวนการเบื้องหลังหนุนม็อบ 3 นิ้ว กำลังปฏิบัติการบนพื้นฐานความคิดและปฏิบัติการที่มุ่งสู่การคว่ำ (Upend) หรือล้มกระดานโครงสร้างอำนาจของประเทศไทย สอดคล้องกับแนวทางของพวก มาร์กซิสต์ แบบดั้งเดิมที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมแบบปฏิวัติโดยทัพหน้าของชนชั้นกรรมกร

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

"ธนกร"ขอผู้ปกครองทำความเข้าใจม็อบ แนะ "ธนาธร-ปิยบุตร" เอาอย่างองคุลีมาล 

เพจแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ เท ปัดไม่เกี่ยวกิจกรรม # SavePornhub

กลุ่มภาคีนิรนาม "ทวงคืน Pornhub จากดีอีเอส

คำสั่งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง

 

แต่ขบวนการเบื้องหลังหนุนม็อบ 3 นิ้วเหล่านี้ถูกครอบงำด้วยแนวคิดและการปฏิบัติการร่วมสมัยจาก อุดมการณ์เชิงอำนาจบางส่วน (Some aspects) ของฐานอำนาจล่าอาณานิคมชาติตะวันตก ดังจะเห็นได้ว่า อิทธิพลของมาร์กซิสต์ แผ่กระจายไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกและนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงบานปลาย ทำคนในชาติต่าง ๆ แตกแยก 

 

เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีปฏิบัติการระหว่างประเทศภายใต้การบริหาร “ดุลอำนาจของโลก” (Balance of Global Power) โดยประธานาธิบดีประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่งที่สามารถสร้างภาพเบื้องหน้าเป็นที่นิยมไปทั่วโลกแต่เบื้องหลังคณะบริหารอำนาจของประธานาธิบดีท่านนั้นกลับใช้ภาษาเป็นอาวุธ (Weaponization of Political Words) ผ่านทางโซเชียลมีเดีย ยิงขีปนาวุธภาษาและภาพ ในระบบออนไลน์เข้าถึงมือถือของประชาชนและเด็กเยาวชนแต่ละคนในกลุ่มประเทศเป้าหมาย เช่น ตูนิเซีย กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เป็นต้น

 

นอกจากนั้นยังมีการส่งกองกำลังเข้าไปปฏิบัติการทางทหารในประเทศอื่น ๆ เช่น ยูเครน และกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก จนประสบความสำเร็จตามเป้าหมายคือ ทำคนในชาติเหล่านั้นแตกแยก ทำคนในชาตินั้นอ่อนแอ ผู้นำเป้าหมายถูกโค่น ถูกสังหาร ผลที่ตามมาคือ กลุ่มประเทศเหล่านั้นเจอวิกฤตที่แย่หนักลงไปอีก ยังไม่ปรากฏเลยว่า กลุ่มประเทศที่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการ ปลุกปั่นม็อบ พาคนลงถนน เหล่านั้น จะเจริญมั่นคงแข็งแกร่ง

 

ตรงกันข้ามมีแต่จะวิกฤตตกต่ำลงไป และถูกชบวนการต่างชาติเข้าไปกอบโกยผลประโยชน์ทางทรัพยากรและอื่น ๆ จากประเทศเหล่านั้น โดยมีตัวอย่างล่าสุดที่ เกาะฮ่องกง ถึงแม้ว่าคณะบริหารของประธานาธิบดีล่าสุดนี้จะแตกต่างไปจากคนก่อนเพราะยังต้องการใช้ยุทธศาสตร์ที่ 2 ไม่ใช่แบบเดิมที่เคยทำ แต่เมื่อเกิดการปฏิบัติการจริงกลับกลายเป็นว่าอยู่นอกเหนือการควบคุม (Out of Control) สถานการณ์ในเกาะฮ่องกง จึงเป็นอย่างที่เห็นทุกวันนี้ ความเป็นหนึ่งเดียวของคนในเกาะฮ่องกงจะกลับคืนมาเหมือนเดิมที่ช่วยกันสร้างเกาะฮ่องกงมาได้หรือไม่

 

สำหรับประเทศไทย จากการทำประเมินขั้นสุทธิ (Net Assessment) พบภาพของขบวนการเบื้องหลังหนุนม็อบ 3 นิ้วในทิศทางเดียวกันคือ ใช้ภาษาและภาพเป็นอาวุธ (Weaponization of Language and Picture) เช่น #เยาวชนปลดแอก #ประชาชนปลดแอก #จะสู้หรืออยู่อย่างทาส เป็นต้น และพาคนลงถนน ทำคนในชาติแตกแยก

 

ช่วงชิงกลุ่มพลังเงียบด้วยการล้างสมอง หล่อรูปทัศนคติของเด็กและเยาวชนให้อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับโครงสร้างอำนาจเดิม ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการตาม ศาลหลักเมือง หรือจุดประวัติศาสตร์ เพื่อทำให้ประเทศไทยไปสู่การแบ่งแยกดินแดนและประชาชน ซึ่งอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ ประชาชนและต่อสถาบันหลักของชาติอย่างร้ายแรง ด้วยการสนับสนุนขององค์กรต่างชาติที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของประเทศมหาอำนาจมหามิตรของประเทศไทยจริงหรือไม่

 

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าขั้วอำนาจภายในประเทศมหาอำนาจชาติตะวันตกเหล่านั้นจะเห็นด้วยกับแนวทางข้างต้นทั้งหมด เพราะอีกขั้วหนึ่งของประเทศมหาอำนาจนั้นไม่ต้องการให้ขบวนการเบื้องหลังหนุนม็อบ 3 นิ้ว ทำแบบมาร์กซิสต์นิยมและไม่เห็นด้วยกับการใช้ภาษาและภาพเป็นอาวุธผ่านโซเชียลมีเดียไปสู่การปฏิรูปแบบปฏิวัติ (Revolutionary Reform) โดยขั้วอำนาจภายในประเทศอำนาจชาติตะวันตกขั้วนี้ต้องการให้ใช้ยุทธศาสตร์ที่ 2 คือ การเปลี่ยนแปลงประเทศต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากภายใน (Within Peaceful Strategy) ด้วยสันติวิธี

 

ไม่ใช่มุ่งแต่จะพาคนลงถนน ทำคนในชาติแตกแยก โดยขั้วอำนาจนี้ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแต่ละประเทศแต่ต้องไม่ตัดทอน (Cut Down) พลังประเทศนั้น ๆ และไม่ตัดทอนพลังประเทศมหาอำนาจชาติตะวันตกนั้นด้วย ดังนั้น ความหวังยังพอจะมีอยู่ถ้าประเทศมหาอำนาจที่เป็นมหามิตรกับประเทศไทยมาช้านานเลือกใช้ยุทธศาสตร์ที่ 2 โดยฝ่ายผู้มีอำนาจของประเทศไทยต้องเจรจากับประเทศมหาอำนาจที่เป็นประเทศมหามิตรประเทศนั้นเพื่อนำไปสู่การรักษาความเป็นมหามิตรให้ยั่งยืนสืบไป

 

จึงขอให้คนไทยทุกคนรู้เท่าทัน ไม่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการเบื้องหลังหนุนม็อบ 3 นิ้ว ทาง ซูเปอร์โพล ทำได้แค่นี้ คือ ทำการประเมินขั้นสุทธิ (Net Assessment) หาข้อมูลให้รู้ความจริงและความเท็จที่ถูกปั่นยอดกระแสผ่านโซเชียลมีเดีย แต่การลงมือทำหรือปฏิบัติการเป็นเรื่องของคนไทยทุกคนทั้งผู้ที่ถือครองอำนาจรัฐ (State Power) และอำนาจที่ไม่ใช่อำนาจรัฐ (Non-State Power) ที่รวมเป็นอำนาจแห่งชาติ (National Power) ว่า เดินตามเกมยุทธศาสตร์ที่ 1 ของขบวนการเบื้องหลังหนุนม็อบ 3 นิ้ว หรือจะเปลี่ยนเกมมาทำตามยุทธศาสตร์ที่ 2 แต่ขอให้การตัดสินใจของทุกแหล่งอำนาจอยู่บนพื้นฐานของหลักการ รู้รักสามัคคี เพื่อปกป้องผลประโยชน์ชาติและประชาชนคนไทยทุกคนเอาไว้สำหรับปัจจุบันและอนาคตที่ดี