*** การระงับสิทธิพิเศษทางด้านการค้า หรือ GSP ที่ให้กับไทยของสหรัฐอเมริกา ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ออกมาระบุถึงสาเหตุว่า การที่ “ประเทศไทยไม่ยอมเปิดตลาดหมูให้สหรัฐ” เป็นเหตุให้สหรัฐอ้างเรื่องความไม่เท่าเทียมในการทำธุรกิจครั้งนี้ มีกลุ่มของสินค้าที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบมากกว่า 200 รายการ ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ สินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์บางประเภท เครื่องครัวที่ทำจากอลูมิเนียม อาหารอบแห้งบางประเภท รวมมูลค่าประมาณ 817 ล้านเหรียญสหรัฐ (25,400 ล้านบาท) โดยมาตรการตัด GSP ในครั้งนี้ จะเริ่มมีผลในวันที่ 30 ธ.ค.นี้
*** ถ้าจะพูดกันตรงๆ ประเทศไทย คือประเทศผู้ส่งออกเนื้อหมู รวมถึงอาหารแปรรูปชนิดอื่นๆ ในระดับแนวหน้าของโลก โดยคุณภาพสินค้าของไทยก็อยู่ในมาตรฐานระดับโลกเช่นกัน ดังนั้นการตัด GSP ในเรื่องของตลาดนำเข้าเนื้อหมูของสหรัฐที่มีต่อไทยในครั้งนี้ ก็ไม่ต่างจากการ “ปิดประตูตีแมว” หรือ เป็นการไล่ต้อนโดยไม่เปิดทางถอยเอาไว้เลย และก่อนหน้านี้สหรัฐก็เคยตัด GSP ที่เคยให้กับไทยมูลค่า 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ (40,300 ล้านบาท) มาแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้น การดำเนินการของสหรัฐในครั้งนี้ จึงเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นอยู่แล้ว และในอนาคตก็ยังน่าจะมีการตัด GSP ตามมาในกลุ่มสินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้นอีกอย่างแน่นอน ...เพียงแต่จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่เท่านั้นเอง
*** บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป หรือ AWC เป็นหุ้นที่ขึ้นแรงหลังจากข่าวที่ว่าวิกฤติการโควิด-19 ที่ทำให้โรงแรมจำนวนมากมีปัญหาเรื่องสภาพคล่องทางการเงิน จนมีโรงแรมระดับ 3-5 ดาว เป็นจำนวนนับร้อยแห่งเสนอตัวทั้งในรูปแบบการขายกิจการและการเข้าร่วมทุนมาให้ AWC เลือกช้อบ ขณะเดียวกันก็มีนักวิเคราะห์ออกมาระบุว่าเป็นผลดีกับ AWC ในเรื่องของการขยายกิจการแบบที่ไม่ต้องเสียเวลาดำเนินการก่อสร้าง
*** แต่สำหรับมุมมองของเจ๊เมาธ์ เจ๊กลับมองว่าถึงแม้ว่าจะมีผลดีบ้างในเรื่องของการขยายกิจการ แต่การลงทุนที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือยังไม่เห็นรายได้ในอนาคตอันใกล้ ก็ไม่ใช้ทางเลือกที่ดีนักสำหรับ AWC ดังนั้น ราคาหุ้นที่ดูเหมือนจะวิ่งแรงๆ เพราะข่าว M&A แบบนี้ จึงเป็นได้แค่ผลดีในระยะสั้นเท่านั้น บางที่ข่าวที่ออกมาเชียร์ราคาหุ้นมันก็ไม่มีแค่ด้านเดียวเท่านั้นนะคะ บางอย่างก็ต้องคิดให้รอบคอบด้วยค่า
*** ราคาหุ้นไอพีโอช่วงนี้ถึงแม้ว่าจะเปิดตัวไม่สูง ...แต่ก็เป็นผลดีกับนักลงทุนที่หาโอกาสเข้าไปเก็งกำไรในหุ้นที่เข้าตลาดวันแรก (First Trading Day) ได้ดีเหมือนกัน ดูอย่าง SFT หุ้นที่เข้าตลาดวันแรกก็ปิดที่ราคาต่ำจอง แต่ในวันซื้อขายวันที่ 2, 3 และ 4 ก็มีแก๊ปให้นักลงทุนเล่นได้ค่ะ ส่วนอีกตัว นั้นก็คือ WGE ที่พอเปิดราคาวันแรกก็ไม่แรงจนเกินราคาที่นักลงทุนรายย่อยจะเล่นได้ เจ๊เมาธ์ก็หวังว่าหุ้นตัวต่อไปอย่าง LEO จะไม่ทำให้ใครผิดหวังอีกตัวนะคะ เจ๊ไม่ได้เชียร์...แต่บอกได้ว่า LEO มีแนวธุรกิจที่น่าสนใจมากค่ะ
*** หุ้นลีสซิ่งอย่าง SAWAD MTC และ KTC เป็นหุ้นในดวงใจที่เจ๊เมาธ์บอกมาตลอด ปีนี้นับว่าเป็นปีทองของหุ้นกลุ่มนี้ได้เลยนะคะ และเจ๊จะย้ำอีกทีว่ากำไรไตรมาสที่ 3/63 ของหุ้นกลุ่มนี้ก็มีโอกาสที่จะทำนิวไฮ ...ซึ่งนั่นก็หมายความว่าค่า P/E มีโอกาสที่จะต่ำเกินไป ส่วนเรื่องราคาหุ้นก็เป็นไปตามกลไกลพื้นฐานที่น่าจะขยับขึ้นไปอีกได้ นั่นหมายความว่าเก็งกำไรระยะยาวได้นะคะ อ้อ...แล้วอีกเดือนสองเดือนก็จะมีหุ้นลีสซิ่งตัวใหม่ที่ใช่ชื่อว่า SAK (ศักดิ์สยาม) จะทำไอพีโอเข้ามา รายนี้ก็น่าสนใจมากๆ ลองหาข้อมูลดูนะคะ ตัวนี้ดีจริงๆ ค่ะ
*** สำหรับหุ้นที่เกี่ยวข้องกับโดยตรงกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอย่าง PTTEP ที่ถึงแม้ว่าไตรมาสที่ 3/62 จะมีกำไรจากผลการดำเนินงานถึง 7,201 ล้าน แต่การที่ราคาน้ำมันดิบอยู่ในจุดที่ตกต่ำแบบนี้ มันก็ไม่เป็นผลดีกับ PTTEP แน่นอน โดยล่าสุดมีการประเมินอุปสรรคอันใกล้ ที่น่าจะเป็นปัญหาต่อการขยับราคาน้ำมันดิบเอาไว้ดังนี้
1. สงครามกลางเมืองของประเทศลิเบียได้สิ้นสุดลง หลังจากที่คู่ต่อสู้ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงในการลงนามในสัญญาการหยุดยิงถาวร กรณีนี้จะทำให้ลิเบียสามารถส่งออกน้ำมันดิบออกสู่ตลาดโลกได้ในอัตรา 1.2 ล้านบาเรล/วัน ซึ่งนั้นก็จะทำให้ความพยายามในการควบคุมกำลังการผลิตน้ำมันดิบ และราคาของกลุ่มโอเปคและพันธมิตรเกิดปัญหาขึ้นมาได้
2. การระบาดของเชื้อโควิด-19 รอบที่ 2 ในทวียุโรปและอเมริกาทำให้หลายประเทศต้องกลับเข้าสู่กระบวนการ Lock Down อีกครั้ง และจะเป็นสาเหตุให้ความต้องการในการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงลดปริมาณลงอย่างมีนัยสำคัญ
3. การเทขายสินทรัพย์ความเสี่ยงสูง ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับราคาลง
4. ราคาน้ำมันถูกเทขายตามปัจจัยทางด้านเทคนิค เนื่องจากราคาน้ำมันดิบเคลื่อนที่อยู่ในกรอบราคาเดิม (40-46 เหรียญสหรัฐ/บาเรล) อยู่นานแต่ก็ไม่สามารถขยับราคาทะลุกรอบแนวต้านขึ้นไปได้ ทำให้สัญญาซื้อขายน้ำมันถูกเทขายออกมา
*** ทั้งหมดนี้ก็เป็นปัจจัยที่กดดันไม่ให้ราคาหุ้นของ PTTEP ไม่สามารถไปไหนได้...นี่ยังไม่รวมปัจจัยทางด้านการเมืองในประเทศไทยด้วยนะคะ เจ๊บอกได้แค่ว่า PTTEP จะเคลื่อนตัวอยู่แถวๆ นี้ไปอีกนานค่ะ