"หมอธีระ"ชี้โควิด-19 พรุ่งนี้จะทะลุ 45 ล้านราย

29 ต.ค. 2563 | 02:13 น.

"หมอธีระ"ชี้โควิด-19 ทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 502,680 คน พรุ่งนี้จะทะลุ 45 ล้าน...เพิ่มหนึ่งล้านคนในสองวัน

วันที่ 29 ตุลาคม 2563 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความถึงสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกล่าสุด 29 ตุลาคม 2563 ผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat  ระบุว่า เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 502,680 คน รวมแล้วตอนนี้ 44,697,006 คน ตายเพิ่มอีก 7,287 คน ยอดตายรวม 1,177,796 คน

 

พรุ่งนี้จะทะลุ 45 ล้าน...เพิ่มหนึ่งล้านคนในสองวัน

 

อเมริกา ติดเพิ่ม 76,262 คน รวม 9,104,697 คน ตายเพิ่มเกือบพันคนต่อวัน

 

อินเดีย เกิน 8 ล้านคนไปเรียบร้อยแล้ว ติดเพิ่ม 49,912 คน รวม 8,038,765 คน

 

บราซิล ติดเพิ่ม 28,629 คน รวม 5,468,270 คน

 

รัสเซีย ติดเพิ่ม 16,202 คน รวม 1,563,976 คน

 

อันดับ 5-10 ตอนนี้ ฝรั่งเศส สเปน อาร์เจนตินา โคลอมเบีย สหราชอาณาจักร และเม็กซิโก ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่นต่อวัน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทั่วโลกติดโควิด-19 ทะลุ 44.7 ล้านราย เพิ่มขึ้น 4.8 แสนราย

 

คาดว่าอีก 3 วัน สหราชอาณาจักรจะติดเชื้อเกินล้านคน และอีกไม่ถึง 3 สัปดาห์ 10 อันดับแรกของโลกจะเกินล้านกันทั้งหมด

 

อิตาลี เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ สวิสเซอร์แลนด์ สวีเดน แคนาดา รวมถึงอิหร่าน บังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเมียนมาร์ ติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลายหมื่น

 

หลายต่อหลายประเทศในยุโรป ก็ยังติดกันหลักร้อยถึงหลักพัน

ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และมาเลเซีย ติดเพิ่มกันหลายร้อย ส่วนจีน และออสเตรเลีย ติดเพิ่มกันหลักสิบ ในขณะที่สิงคโปร์ ฮ่องกง เวียดนาม และนิวซีแลนด์ยังมีติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ

 

...สถานการณ์ในเมียนมาร์ติดเพิ่มอีก 1,406 คน ตายเพิ่มอีก 25 คน ตอนนี้ยอดรวม 49,072 คน ตายไป 1,172 คน อัตราตายตอนนี้ 2.4%

 

ล่าสุดที่อเมริกามีการทำ workshop วิชาการแพทย์เพื่อสรุปหลักฐานวิชาการเกี่ยวกับการแพร่เชื้อทางอากาศของไวรัสโรค COVID-19

 

เดิมเรารู้ว่ามีโอกาสติดเชื้อจากละอองฝอยน้ำลาย น้ำมูก เสมหะ จากการไอจามได้ ซึ่งพวกนี้เป็นละอองฝอยขนาดใหญ่ (droplet) มักจะกระจายไปไม่ไกลเกิน 2 เมตร

 

แต่ปัจจุบันมีหลักฐานวิชาการชัดเจนแล้วว่า ไวรัสสามารถแพร่กระจายไปในอากาศ (aerosol) และลอยอยู่ได้นานหลายชั่วโมง เคยมีการศึกษาแล้วพบว่าอยู่ได้นานถึง 16 ชั่วโมง แถมยังไปไกลกว่า 2 เมตรได้อีกมาก โอกาสการติดเชื้อนั้นมักมาจากการสูดอากาศที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไปในร่างกาย โดยขึ้นอยู่กับปริมาณไวรัสที่อยู่ในอากาศ ปริมาณไวรัสที่ร่างกายเรารับเข้าไป รวมถึงระยะเวลาที่เราสัมผัสด้วย

 

นอกจากการใส่หน้ากาก ล้างมือ อยู่ห่างๆ คนอื่น แล้ว ข้อมูลล่าสุดจึงตอกย้ำเราให้เห็นถึงความสำคัญของพฤติกรรมการทำงานวิถีใหม่ดังต่อไปนี้

 

หนึ่ง การใส่หน้ากากเสมอ แม้จะอยู่ในที่ทำงาน ยิ่งหากเป็นการทำงานในห้องที่อยู่ร่วมกันเป็นระบบปิด ไม่มีการถ่ายเทอากาศ

สอง การปรับระบบงานในที่ทำงาน ให้บางคนสามารถทำที่บ้าน หรือทำงานทางไกล แทนที่จะมาแออัดในที่ทำงานกันทั้งหมดก็สลับกันมาได้

 

สาม การประชุมทางไกล ช่วยลดความเสี่ยงในการประชุมร่วมกันหลายชั่วโมงไปได้มาก

 

สี่ การติดตั้งพัดลมระบายอากาศ รวมถึงการทำความสะอาดสถานที่ทำงานต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ และอาจพิจารณาใช้อุปกรณ์ฆ่าเชื้อ เช่น การใช้แสง UV ซึ่งจะช่วยลดปริมาณไวรัสโรค COVID-19 ลงได้

 

และสำคัญมากคือ ธุรกิจห้างร้าน สถานที่ทำงานต่างๆ ควรดำเนินการตามมาตรฐานควบคุมป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด หมั่นตรวจตราบุคลากร หากใครมีอาการไม่สบาย ให้หยุดงาน และรีบไปตรวจ ส่วนที่ใดที่มีการรับคนต่างด้าว ก็ควรขึ้นทะเบียนและส่งไปตรวจคัดกรอง COVID-19 ก่อนรับเข้าทำงาน