ศาลรธน.เริ่มถกลงมติคดี 64 ส.ส.ถือหุ้นสื่อ

28 ต.ค. 2563 | 04:52 น.

ศาลรัฐธรรมนูญเริ่มประชุมลงมติ 64 ส.ส.ขาดคุณสมบัติ เหตุถือหุ้นธุรกิจสื่อ ก่อนอ่านคำวินิจฉัยบ่ายนี้  

 

วันนี้ (28 ต.ค.63) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้เริ่มประชุมองค์คณะเพื่อแถลงด้วยจาจาและลงมติ ในคดีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ  มาตรา 82 ว่า  สมาชิกภาพ ส.ส.จำนวน 32 คนของฝ่ายรัฐบาล  และอีก 32 คนของฝ่ายค้าน  สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3)   เนื่องจากถือครองหุ้นสื่อหรือไม่ ก่อนที่จะออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังในเวลา 15.00 น. 

 

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ศาลรัฐธรรมนูญได้เรียกไต่สวนเฉพาะพยานในส่วนของ น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์  ส.ส.กทม เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ   และนายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่  เนื่องจากมีข้อสงสัย  ว่าบริษัทที่ ส.ส.คนดังกล่าว ถือหุ้นอยู่นั้นไม่ได้ทำธุรกิจด้านสื่อ  และไม่ได้มีรายได้จากธุรกิจสื่อจริงหรือไม่   แต่ในรายของนายธัญญ์วารินไม่ติดใจที่จะเข้าชี้แจง

 

ขณะที่บริเวณโดยรอบศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีการจัดเตรียมสถานที่ โดยยึดตามระเบียบศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยในที่ทำการศาล จัดรั้วเหล็กแบ่งเป็นสัดส่วน  สำหรับตัวแทนผู้ร้องและผู้ถูกร้อง รวมทั้งส่วนทำงานของสื่อมวลชนที่จะมาทำข่าวการอ่านคำวินิจฉัย  อย่างไรก็ตามการออกนั่งบัลลังก์ในวันนี้ไม่ได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้มเหมือนทุกครั้ง 

                                                            ศาลรธน.เริ่มถกลงมติคดี 64 ส.ส.ถือหุ้นสื่อ

ขณะที่นายทศพล เพ็งส้ม หัวหน้าทีมต่อสู้คดีหุ้นสื่อของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า จะเดินทางมาฟังคำวินิจฉัยของศาลในเวลา 14.00 น.  พร้อมกับนางสาวภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กทม.เขต 6  และ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.เขต 9 ซึ่งเป็นผู้ถูกร้องในคดีถือหุ้นสื่อ

 

พร้อมเปิดเผยว่า ในการแก้ข้อกล่าวหาได้เทียบเคียงกับกรณีคดีหุ้นสื่อของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ  ที่ศาลเคยวินิจฉัยไปแล้ว โดยยึดข้อมูลตามใบ สสช.1   ซึ่งเป็นใบแจ้งการประกอบกิจการ  และ สบช.3  ที่จะชี้ชัดเกี่ยวกับงบดุลรายได้ที่มาว่ามาจากการทำสื่อหรือไม่ พร้อมยืนยันว่าไม่ได้ทำสื่อ เพราะไม่ได้มีการขอใบประกอบกิจการสิ่งพิมพ์ที่ต้องของจากสำนักหอสมุดแห่งชาติ   และใบประกอบกิจการวิทยุที่ต้องมีใบอนุญาติจาก กสทช.ด้วย