“พุทธิพงษ์” ยันบังคับใช้ กม. หากผู้ใช้โซเชียลจาบจ้วงสถาบัน

27 ต.ค. 2563 | 10:38 น.

“พุทธิพงษ์” ยันบังคับใช้ กม. หากผู้ใช้โซเชียลจาบจ้วงสถาบัน ระบุผู้ชุมนุมบางส่วน ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ไม่น่ารักอย่างที่ “วิโรจน์” อ้าง

นายพุทธิพงษ์  ปุณณกันต์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม อภิปรายชี้แจงประเด็นการใช้กฎหมายเกี่ยวกับการใช้โซเชียลมีเดียที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล ยืนยันว่า ในฐานะที่เป็นภาครัฐ รัฐบาลมีความจำเป็นที่ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เนื่องจากในโซเชียลมีเดียเป็นสิ่งที่ดี รวดเร็ว แต่เนื้อหาในโซเชียลมีเดียในวันนี้มีความหลากหลาย  ซึ่งมุมหนึ่งของผู้ชุมนุมก็พบว่ามีการใช้โซเชียลมีเดีย ที่มีเนื้อหากับสิ่งที่แสดงออกรุนแรง มีการใช้คำพูด ยุยง ปลุกปั่น ทำร้ายทำลายสถาบันหลักของประเทศทั้งใช้ถ้อยคำหยาบคาย  ไม่ได้น่ารักอย่างที่ทาง ส.ส.พูดมาเลย    ซึ่งหากรัฐไม่บังคับใช้กฎหมาย แม้ว่าแพลทฟอร์มต่างๆ อยู่ต่างประเทศ แต่เรามีกฎหมายไทย จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายของไทย ถ้าละเลย จะบรรลุความตั้งใจที่จะให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างยอมรับและเคารพความแตกต่างทางความคิดได้อย่างไร  

นายพุทธิพงษ์  ปุณณกันต์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

      ขณะที่ ภาครัฐจึงทำในกรอบของคนที่เข้าข้อกฎหมายและมีความผิดจริง ส่วนคนอื่นที่ใช้โซเชียล รัฐไม่ได้ไปล่วงเกินสิทธิของใครเลย ทุกคนจึงยังใช้สื่อโซเชียลได้อย่างอิสระ ทั้ง 300,000 URLs นั้น ดำเนินคดีจำนวน 2,000 กว่าราย เพราะดูคนที่มีความตั้งใจและละเมิดข้อกฎหมายจริง ๆ  วันนี้ทั้งเกือบ 3,000 คดีอยู่ในมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจ  เราไม่ได้นิ่งเฉย และดำเนินการทางกฏหมายอย่างเคร่งครัด 

  “พุทธิพงษ์” ยันบังคับใช้ กม. หากผู้ใช้โซเชียลจาบจ้วงสถาบัน   สำหรับเรื่องการปิดกั้นสื่อ  ขอชี้แจงว่าสื่อหลายสื่อมีเจตนาที่เผยแพร่ภาพข่าวที่ทำร้ายจิตใจประชาชนคนทั้งประเทศ มีความตั้งใจที่จะจาบจ้วง ใช้คำพูด ใช้การอภิปราย ใช้การปราศรัย ถ่ายทอดออกไป ที่ไม่ได้เป็นประโยชน์หรือ เปิดพื้นที่ปลอดภัยให้คนใดคนหนึ่งเลย ถามคนไทยว่ายอมได้หรือไม่  

เราเป็นคนไทยด้วยกัน เคารพกฎหมายเดียวกัน เมื่อทำผิดต้องอยู่ภายใต้กฎหมายไทย  ซึ่งตนเองยังถูกต่อว่าด้วยซ้ำว่าทำน้อยไป ทั้งหมดที่ดำเนินคดี หรือสื่อที่ส่งให้ศาล อาศัยกระบวนการยุติธรรม ขออำนาจศาล ไม่ได้ใช้ความรู้สึกของรัฐมนตรี ไม่ได้ใช้ความรู้สึกของรัฐบาลเลย แต่อาศัยคำสั่งศาล  ซึ่ง 80% พี่น้องประชาชนส่งมาให้ และเจ้าหน้าที่รวบรวมส่งศาลใน 48 ชั่วโมง เมื่อมีคำสั่งศาลก็ส่งให้แพลทฟอร์มต่าง ๆ ทราบ รัฐจำเป็นต้องดำเนินการโดยไม่ได้เลือกปฏิบัติ สื่อทุกแขนงยังนำเสนอข่าวได้เต็มที่ เพียงแต่ขอให้อยู่ในข้อกฎหมาย หากมีเนื้อหาที่ละเมิดกฎหมาย  ถ้าไม่ตั้งใจก็ขอให้ดำเนินการลบออก หากไม่ลบออกก็จำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย

      อย่างไรก็ตาม รัฐมีจุดประสงค์อยากให้การใช้สื่อโซเชียลมีเดีย เป็นที่ที่ปลอดภัย สะอาด เป็นที่ที่ทุกคนสามารถ แสดงความ คิดเห็นของตนเองได้  เพียงแต่ต้องไม่หยาบคาย ไม่กระทำผิดกฎหมาย และต้องยืนอยู่บนหลักที่เรายึดมั่น ยึดถือบนมาตรฐานเดียวกัน   ยืนยันว่ารัฐบาลทำตามกฎหมาย และย้ำว่าจะดำเนินการทำต่อไป